การค้นพบครั้งนี้นักดาราศาสตร์ใช้เครื่องมือที่เรียกว่า MARSIS บนยานสำรวจดาวอังคาร Mars Express ขององค์การอวกาศยุโรป (ESA) ส่งคลื่นเรดาร์ลงไปยังพื้นผิวของดาวอังคารแล้ววัดคลื่นที่สะท้อนกลับมายังตัวยาน ซึ่งสามารถบอกได้ว่ามีวัตถุประเภทใดอยู่บนผิวดาวอังคาร รวมไปถึงวัตถุที่อยู่ใต้พื้นผิวด้วย
ทีมงานได้ใช้เครื่อง MARSIS สำรวจรอบบริเวณขั้วใต้ของดาวอังคารระหว่างเดือนพฤษภาคม ปี 2012 ถึง ธันวาคม ปี 2015 เก็บตัวอย่างคลื่นเรดาร์สะท้อนกลับไว้ 29 ชุด และพบว่าส่วนหนึ่งของบริเวณนี้มีรูปแบบของคลื่นสะท้อนกลับสอดคล้องกับรอยต่อของผิวน้ำ นักวิจัยบอกว่ารูปแบบของคลื่นสะท้อนเรดาร์บนดาวอังคารคล้ายกับคลื่นสะท้อนเรดาร์ของทะเลสาบที่พบบนโลกที่บริเวณใต้แผ่นน้ำแข็งของกรีนแลนด์และแอนตาร์กติกาอย่างมาก
แม้ดูเหมือนว่าจะมีข่าวพาดหัวว่าพบน้ำบนดาวอังคารมาแล้วหลายครั้งในหลายปีที่ผ่านมา แต่การค้นพบครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีการพบน้ำจริงๆ พื้นที่ส่วนใหญ่ของดาวอังคารในปัจจุบันมีสภาพแห้งแล้ง แต่มีหลัก
ฐานจำนวนมากที่พบว่าดาวอังคารเคยเป็นสถานที่ที่เปียกชื้น งานวิจัยของนาซาระบุว่ามีมหาสมุทรใหญ่ปกคลุมซีกเหนือของดาวดวงนี้เมื่อราว 4.3 พันล้านปีก่อน ทะเลสาบอาจมีน้ำเต็มและแห้งสลับซ้ำไปมาตลอดหลายสิบล้านปีในสถานที่อย่างเช่นแอ่งเกล (Gale Crater) ที่เป็นสถานที่ลงจอดของยานสำรวจ Curiosity
“น้ำเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญสำหรับสิ่งมีชีวิต นี่เป็นการพบมวลน้ำในรูปของเหลวบนดาวอังคารเป็นครั้งแรก และสามารถพิจารณาได้ว่ามันเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตที่มีศักยภาพ” Roberto Orosei หัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์ที่สถาบันดาราศาสตร์วิทยุในอิตาลีผู้วิเคราะห์ข้อมูลกล่าว
การค้นพบแหล่งน้ำขนาดใหญ่และมีเสถียรภาพบนดาวอังคารทำให้เรามีเป้าหมายใหม่ๆสำหรับภารกิจในอนาคต รวมทั้งการค้นหาสัญญาณของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กทั้งในอดีตและปัจจุบัน แม้ว่าความเค็มจัดของมันอาจทำลายความหวังเหล่านั้นลงได้ก็ตาม
ข้อมูลและภาพจาก aaas.org, newatlas