ประติมากรหนุ่มน้อยฝึกฝีมือที่เวนิส
อันโตนิโอ คาโนวา เป็นชาวอิตาลี เกิดเมื่อปี 1757 ที่เมือง Possagno สาธารณรัฐเวนิส เมื่ออายุได้ 4 ปีพ่อของเขาซึ่งเป็นช่างตัดหินเสียชีวิต ปีต่อมาแม่แต่งงานใหม่ เขาจึงมาอยู่ในการเลี้ยงดูของคุณปู่ซึ่งเป็นเจ้าของเหมืองหินและเป็นช่างตัดหินและประติมากรมากฝีมือ เขาเติบโตในเหมืองหินคลุกคลีอยู่กับงานของคุณปู่ เริ่มฝึกปั้นรูปจากดินเหนียวและแกะสลักหินอ่อนตั้งแต่เล็ก คาโนวามีพรสวรรค์ด้านศิลปะเป็นเลิศ เล่ากันว่าเด็กน้อยคนนี้เคยสร้างความประหลาดใจแก่ผู้เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำด้วยการแกะสลักรูปสิงโตจากก้อนเนยมาแล้ว และเขาก็สามารถแกะสลักหินอ่อนได้ดีตั้งแต่ยังมีอายุไม่ถึง 10 ปี
ปี 1770 คาโนวาไปเป็นลูกศิษย์ฝึกฝีมือกับ Giuseppe Bernardi ประติมากรมีชื่อเสียงคนหนึ่งที่เมืองเวนิสนาน 2 ปี จากนั้นไปอยู่กับ Giovanni Ferrari จนได้เข้าเรียนในสถาบันศิลปะ Accademia di Belle Arti di Venezia แห่งเมืองเวนิส ปี 1775 ขณะมีอายุราว 18 ปีคาโนวาเริ่มรับงานครั้งแรกเป็นงานแกะสลักหินอ่อนรูปบุคคลในตำนานกรีกโบราณ 2 ชิ้นคือ Orpheus และ Eurydice งานเสร็จในปี 1777 ผลงาน Orpheus ได้รับการยกย่องมากและคาโนวาเริ่มเป็นที่รู้จักในแวดวงชนชั้นสูงของเมืองเวนิส อีก 2 ปีต่อมาเขาสร้างผลงานแกะสลักหินอ่อน Daedalus and Icarus ซึ่งได้รับการชื่นชอบเป็นอย่างมากถือเป็นผลงานสำคัญชิ้นแรกของเขา
ก้าวสู่เวทีใหญ่ไปสร้างชื่อในกรุงโรม
คาโนวาไปถึงกรุงโรมในปี 1780 เริ่มต้นด้วยการใช้เวลาในการศึกษาผลงานของ Michelangelo และยังไปศึกษาศิลปะเก่าแก่ที่เมืองโบราณอีกหลายแห่งรวมทั้งที่ Herculaneum, Pompeii และ Paestum ซึ่งได้สร้างแรงบันดาลใจแก่เขาในการสร้างสรรค์ผลงานแนวใหม่หลุดพ้นจากสไตล์บาโรกไปสู่ความงดงามแบบนีโอคลาสสิก เขาเปิดสตูดิโอของตัวเองที่กรุงโรมในปี 1781 แล้วเริ่มสร้างชื่อด้วยผลงานรูปแกะสลักหินอ่อนตำนานกรีกโบราณชิ้นเยี่ยม Theseus and the Minotaur ที่ได้รับการยกย่องในความสวยงามสไตล์ใหม่เป็นอย่างมาก
ระหว่างปี 1783 -1785 คาโนวาได้รับงานสำคัญเป็นงานออกแบบจัดสร้างอนุสาวรีย์หลุมฝังศพพระสันตปาปา Clement XIV ที่โบสถ์ Church of Santi Apostoli งานเสร็จในปี 1787 เมื่อเปิดให้ชมผู้คนต่างหลั่งไหลมาชมอย่างมากมาย จากนั้นเขาก็ทำงานเดียวกันอีกครั้งคราวนี้เป็นของพระสันตปาปา Clement XIII ในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ซึ่งเขาได้ออกแบบศิลปะแนวใหม่ของเขาให้สอดประสานกลมกลืนกับศิลปะบาโรกยุคก่อนได้อย่างลงตัว ตลอดช่วงทศวรรษนี้คาโนวาได้สร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมหลายชิ้นจนทำให้มีชื่อเสียงโด่งดังกลายเป็นศิลปินชั้นนำ แต่ผลงานขั้นสุดยอดของเขานั้นปรากฏขึ้นในช่วงทศวรรษถัดไป
ผลงานชิ้นเอกงดงามแสนโรแมนติก
ระหว่างปี 1787 – 1793 คาโนวาได้สร้างผลงานชิ้นเอกชื่อ Psyche Revived by Cupid’s Kiss จากวรรณกรรมกรีกโบราณเรื่อง The Golden Ass ไซคีเป็นเจ้าหญิงผู้มีรูปโฉมงดงามยิ่งกว่าผู้ใด แม้กระทั่งเทพวีนัสยังอิจฉาถึงกับส่งคิวปิดหรือกามเทพไปแผลงศรให้ไซคีหลงรักชายอัปลักษณ์ แต่คิวปิดกลับตกตะลึงในความงามของไซคีจนลูกศรในมือทิ่มแทงตัวเอง คิวปิดจึงหลงรักไซคีจนหมดใจ เมื่อไซคีโดนกลั่นแกล้งจนต้องมนตร์แห่งความหลับใหล คิวปิดตามหาไซคีจนพบและแก้ไขให้ไซคีฟื้นขึ้นมาได้สำเร็จ คาโนวาแกะสลักหินอ่อนถ่ายทอดโมเมนต์แสนโรแมนติกที่คิวปิดกำลังประคองกอดไซคีที่เพิ่งฟื้นจากหลับใหลด้วยจุมพิตของเขาอย่างอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความรักออกมาได้งดงามมีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง
ผลงานนี้ไม่เพียงได้รับการยกย่องเป็นประติมากรรมชิ้นเอกแห่งยุคนีโอคลาสสิก ยังถือเป็นพัฒนาการแห่งศิลปะแบบโรแมนติกอีกด้วย คาโนวาสร้างผลงาน Psyche Revived by Cupid’s Kiss ซึ่งเป็นผลงานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเขาไว้ 2 เวอร์ชั่น ปัจจุบันเวอร์ชั่นแรกจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ประเทศฝรั่งเศส ส่วนอีกเวอร์ชั่นหนึ่งอยู่ที่พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจ ประเทศรัสเซีย และผลงานชิ้นนี้มีส่วนสำคัญทำให้คาโนวากลายเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่งของยุโรปตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1800
ตระเวนสร้างผลงานฝากฝีมือทั่วยุโรป
ด้วยชื่อเสียงที่โด่งดังขจรขจายคาโนวาจึงมีลูกค้ามากมายจากทั่วยุโรปทั้งฝรั่งเศส อังกฤษ รัสเซีย โปแลนด์ออสเตรีย และฮอลแลนด์ รวมถึงสมาชิกของราชวงศ์ต่างๆและบุคคลสำคัญอีกมากมาย หนึ่งในนั้นคือจักรพรรดินโปเลียนและครอบครัวซึ่งคาโนวาสร้างรูปปั้นชั้นยอดให้หลายชิ้น เช่น Venus Victrix รูปแกะสลักเทพวีนัสในท่านอนกึ่งเปลือยบนโซฟาโดยมีใบหน้าเป็น Pauline Bonaparte น้องสาวของนโปเลียน และ Napoleon as Mars the Peacemaker ที่พอนโปเลียนได้เห็นกลับไม่ชอบสั่งให้ปิดไว้ไม่ให้ใครเห็นและในที่สุดถูกขายต่อให้รัฐบาลอังกฤษ
คาโนวาเดินทางไปอังกฤษหลายครั้งได้เยี่ยมชมประติมากรรมหินอ่อนเอลกิน (Elgin Marbles) รวมทั้งไปดูแลการติดตั้งผลงานชิ้นเอกอีกชิ้นหนึ่งคือ The Three Graces ซึ่งยังมีอีกเวอร์ชั่นหนึ่งที่งดงามมากจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจ นอกจากนี้ยังมีผลงานชั้นยอดอีกชิ้นหนึ่งที่เขาทำให้กับราชวงศ์อังกฤษคือรูปปั้น Mars and Venus ความโด่งดังของคาโนวาไปไกลถึงสหรัฐอเมริกาที่ได้จ้างเขาทำรูปปั้นของ George Washington ซึ่งถูกส่งถึงรัฐนอร์ทแคโรไลนาในปี 1821 แต่น่าเสียดายที่มันถูกทำลายจากไฟไหม้หลังจากจัดแสดงได้เพียง 10 ปี ส่วนในอิตาลีเองคาโนวาก็สร้างผลงานอันยอดเยี่ยมไว้เช่นกัน อย่างเช่นรูปปั้น Perseus with the Head of Medusa ที่สร้างขึ้นแทนที่รูปปั้นโบราณ Apollo Belvedere ที่ถูกนโปเลียนยึดเอาไปไว้ที่กรุงปารีส ผลงานของคาโนวาได้รับการชื่นชอบอย่างมากจนผู้คนแทบจะลืมรูปปั้นเก่า
ทุ่มเททั้งชีวิตเพื่องานศิลปะที่ชื่นชอบ
คาโนวาไม่เคยแต่งงาน เขาทุ่มเทเวลาให้กับการแกะสลักรูปปั้นแทบไม่หยุดหย่อนทั้งงานในอิตาลีและงานที่ส่งไปให้ลูกค้าที่ต่างประเทศ อันที่จริงเขาเคยเขียนภาพอยู่บ้างเหมือนกันแต่มีเพียงไม่กี่ภาพและไม่เคยจัดแสดงในที่สาธารณะ คาโนวาประสบความสำเร็จอย่างสูงในงานประติมากรรมเป็นศิลปินเอกแห่งยุค เขาได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอันทรงเกียรติหลายอย่าง ปี 1802 เขาได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ตรวจการวัตถุโบราณและชิ้นงานศิลปะแห่งรัฐของพระสันตปาปาซึ่งเป็นตำแหน่งที่ Raphael เคยเป็นในอดีต และเป็นนายกสมาคมศิลปินแห่งกรุงโรม the Accademia di San Luca ตั้งแต่ปี 1810 ไปจนตลอดชีวิต
ช่วงบั้นปลายชีวิตคาโนวาได้สร้างวิหาร Tempio Canoviano ที่เมือง Possagno บ้านเกิดของเขา โดยเขาเป็นคนออกแบบ ออกเงินค่าใช้จ่าย รวมทั้งลงมือทำด้วยตัวเองบางส่วนด้วย ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตในปี 1822 ด้วยวัย 64 ปี เขาได้สั่งให้น้องชายใช้ทรัพย์สินของเขาสร้างวิหารให้เสร็จ ร่างของคาโนวาถูกฝังไว้ในวิหารที่เขาสร้างขึ้นนั่นเอง มีการจัดพิธีรำลึกการจากไปของคาโนวาทั้งในกรุงโรม เวนิส และที่เมืองบ้านเกิด พิธีถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่เทียบเท่ากับของ Michelangelo
ผลงานสุดล้ำค่าแห่งยุคนีโอคลาสสิก
อันโตนิโอ คาโนวา เป็นประติมากรที่มีผลงานโดดเด่นที่สุดในยุคนีโอคลาสสิก ผลงานจากฝีมือแกะสลักหินอ่อนที่ยอดเยี่ยมของเขาและการนำเสนอในสไตล์ใหม่ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากศิลปะยุคโบราณมีความงดงามและโดดเด่นอย่างยิ่ง งานแต่ละชิ้นของเขาต้องใช้เวลานานกว่าจะสำเร็จจึงมีจำนวนน้อยชิ้นแต่ทุกชิ้นล้วนประณีตงดงามและล้ำค่าอย่างมาก และต่อไปนี้คือส่วนหนึ่งของผลงานสุดล้ำค่าเหล่านั้น
Early Years in Possagno (1776 – 1780)
Rome and Neoclassicism (1780 – 1800)
Later Years across Europe (1800 – 1820)
Paintings
คาโนวา เป็นผู้สร้างสรรค์และเป็นต้นแบบงานประติมากรรมสไตล์นีโอคลาสสิก ทำนองเดียวกับที่ Jacques Louis David เป็นปรมาจารย์ต้นแบบในงานด้านจิตรกรรมของยุคนีโอคลาสสิก ผลงานของคาโนวามักจะได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์ศิลปะว่า “สุดยอด” และ “น่าอัศจรรย์” สมกับที่ได้รับการยกย่องเป็นประติมากรผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุคนีโอคลาสสิก
ข้อมูลและภาพจาก wikipedia, metmuseum.org, britannica