โอกุสต์ รอแด็ง ศิลปินต้นแบบประติมากรรมสมัยใหม่ผู้สร้าง “The Thinker”

โอกุสต์ รอแด็ง (Auguste Rodin) เป็นประติมากรผู้มีผลงานโดดเด่นที่สุดในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 เขาได้สร้างงานประติมากรรมชั้นยอดจำนวนมากโดยเฉพาะรูปปั้น The Thinker ที่ถือเป็นหนึ่งในประติมากรรมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ศิลปะและมีการหล่อซ้ำเพื่อติดตั้งในสถานที่สำคัญทั่วโลกหลายสิบแห่ง แม้ในช่วงแรกผลงานของเขายังไม่เป็นที่ยอมรับและมักถูกวิพากษ์วิจารณ์ในด้านลบแต่เขายังคงรักษาสไตล์ของตัวเองเอาไว้ จนในที่สุดเขากลายเป็นประติมากรที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก ผลงานประติมากรรมของเขาเป็นที่ต้องการอย่างสูงทั่วโลก รอแด็งได้รับการยกย่องว่าศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ที่มีฝีมือยอดเยี่ยมเทียบชั้นได้กับ Michelangelo และเป็นต้นแบบของงานประติมากรรมสมัยใหม่

 
ชีวิตลำบากของอัจฉริยะที่ถูกมองข้าม

auguste-rodin-early-works-02

 
โอกุสต์ รอแด็ง เป็นชาวฝรั่งเศส เกิดเมื่อปี 1840 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสในครอบครัวที่มีฐานะค่อนข้างยากจน เขามีปัญหาเรื่องสายตาสั้นตั้งแต่เด็กทำให้ยากลำบากในการเรียนหนังสือเนื่องจากมองสิ่งที่คุณครูเขียนบนกระดานดำไม่ค่อยเห็น แต่พอมาวาดรูปกลับไม่มีปัญหาอะไรและเขาก็ทำได้ดีเสียด้วย ฝีมือการวาดรูปของรอแด็งพัฒนาขึ้นเป็นลำดับจนเขาคิดจะเอาดีทางด้านนี้ พออายุ 13 ปีจึงไปเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนศิลปะ Petite École ที่นี่เขาได้แสดงให้ครูศิลปะเห็นพรสวรรค์ที่เด่นล้ำของเขาอยู่บ่อยๆ จนถึงปี 1857 รอแด็งในวัย 17 ปีต้องการเข้าเรียนที่ École des Beaux-Arts สถาบันสอนศิลปะที่ดีที่สุดในประเทศจึงส่งชิ้นงานปั้นให้ทางโรงเรียนพิจารณาแต่ก็ต้องผิดหวังเพราะผลงานยังไม่เข้าตากรรมการ เขายังพยายามอีกสองครั้งแต่ก็ถูกปฏิเสธทั้งหมด

เมื่อหมดโอกาสเรียนต่อประกอบกับฐานะทางบ้านยากจนรอแด็งจำต้องยอมรับชะตากรรมเริ่มต้นทำงานหาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นช่างฝีมือทำเครื่องประดับและวัสดุตกแต่งทางสถาปัตยกรรมเป็นผู้ช่วยของ Albert-Ernest Carrier-Belleuse ประติมากรฝีมือดีคนหนึ่ง ปี 1864 รอแด็งเสนอผลงานรูปปั้น The Man with the Broken Nose เพื่อเข้าร่วมนิทรรศการ Paris Salon เป็นครั้งแรกแต่ถูกปฏิเสธ ปี 1870 เขาถูกเรียกตัวไปเป็นทหารของกองทัพฝรั่งเศสในสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซียแต่เข้าประจำการอยู่ได้ไม่นานนักเนื่องจากเขามีปัญหาด้านสายตา ออกจากกองทัพมารอแด็งยิ่งลำบากกว่าเดิมเพราะงานตกแต่งมีน้อยลงเพราะเกิดสงครามเขาจึงไปร่วมงานกับ Carrier-Belleuse อีกครั้งที่กรุงบรัสเซล ประเทศเบลเยี่ยม รอแด็งทำงานอยู่ที่กรุงบรัสเซลนานถึง 6 ปีก่อนที่จุดเปลี่ยนของชีวิตจะมาถึงเมื่อเขามีโอกาสได้ไปเยือนอิตาลี

 
พอหลุดพ้นกรอบผลงานก็เริ่มโดดเด่น

auguste-rodin-early-works-01

 
ปี 1875 รอแด็งในวัย 35 ปีสามารถเก็บเงินได้เพียงพอสำหรับการเดินทางไปอิตาลี เขาแวะเมืองสำคัญหลายเมืองทั้งที่เจนัว, ฟลอเรนซ์, โรม, เนเปิลส์ และเวนิส ได้ชมผลงานของศิลปินชั้นครูมากมายที่ประทับใจเขาเป็นพิเศษเป็นผลงานของ Michelangelo กับ Donatello และเป็น Michelangelo ที่ทำให้เขาหลุดพ้นจากกรอบการสร้างงานศิลปะตามหลักวิชาที่เขาได้ร่ำเรียนมาและนำเขาไปสู่การสร้างสรรค์ผลงานอย่างเป็นอิสระตามความคิดของตัวเองไม่ยึดติดกับกฎเกณฑ์ใด พอกลับมาที่กรุงบรัสเซลรอแด็งก็เริ่มสร้างผลงานในสไตล์ใหม่ที่เขาเพิ่งค้นพบ ปี 1876 ผลงาน The Age of Bronze รูปปั้นผู้ชายเปลือยขนาดเท่าคนจริงก็เสร็จสมบูรณ์ งานชิ้นนี้ถูกนำไปจัดแสดงในนิทรรศการ Paris Salon ปี 1877 ซึ่งได้สร้างความฮือฮาในวงการด้วยเหตุผลที่แปลกประหลาดอย่างยิ่ง

รูปปั้น The Age of Bronze มีรูปร่างสัดส่วนและรายละเอียดที่สมจริงเหมือนกับคนที่มีชีวิตอย่างมากจนทำให้นักวิจารณ์ศิลปะไม่เชื่อว่ารอแด็งปั้นมันขึ้นมาจริงๆเพราะความสมจริงขนาดนี้ไม่สามารถทำได้ นักวิจารณ์บางคนเชื่อว่ารอแด็งหล่อขึ้นมาโดยตรงจากร่างของนายแบบ บางคนเชื่อว่าเขาหล่อมันขึ้นมาจากศพ ข่าวลือและความเชื่อนี้เริ่มแพร่สะพัดไปทั่ววงการจนกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวว่าเขาขี้โกงขนาดเขาให้นายแบบตัวจริงที่เป็นเพื่อนของเขามายืนยันคนยังไม่เชื่อสนิทใจ รอแด็งจึงสร้างผลงานอีกชิ้นหนึ่งคือรูปปั้น Saint John the Baptist คราวนี้ตั้งใจทำเป็นขนาดที่ใหญ่กว่าคนจริงมีส่วนสูง 2.03 เมตรเพื่อพิสูจน์ว่าเขาปั้นขึ้นมาจริงๆไม่ได้หล่อจากศพตามที่เชื่อกัน และได้นำแบบจำลองปูนพลาสเตอร์ของงานชิ้นนี้ไปจัดแสดงที่ Paris Salon ปี 1880 นับแต่นั้นผู้คนจึงเชื่อและทึ่งในฝีมืออันยอดเยี่ยมของรอแด็งส่งผลให้เขาเริ่มกลายเป็นประติมากรชื่อดังในวัย 40 ปี

 
งานชิ้นเดียวใช้เวลาทั้งชีวิตยังไม่เสร็จ

auguste-rodin-flourish-period-02

 
พอชื่อเสียงโด่งดังงานก็หลั่งไหลเข้ามาหา ปี 1880 รอแด็งได้รับงานใหญ่ชิ้นหนึ่งเป็นงานสร้างซุ้มประตูทางเข้าพิพิธภัณฑ์มัณฑนศิลป์ที่มีแผนจะสร้างเสร็จในห้าปีข้างหน้า รอแด็งออกแบบซุ้มประตูโดยได้แรงบันดาลใจจากฉากในวรรณกรรมที่เขาชื่นชอบเรื่อง Divine Comedy ของกวีชาวอิตาลี Dante Alighieri ภาคแรกที่ชื่อ Inferno ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับนรกภูมิและตั้งชืองานชิ้นนี้ว่า The Gates of Hell เขาทำงานชิ้นนี้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่รับงานไปจนกระทั่งเขาเสียชีวิตรวม 37 ปีก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ พิพิธภัณฑ์มัณฑนศิลป์ที่จะนำประตูนี้ไปติดตั้งไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเขาจึงมอบผลงานชิ้นนี้รวมถึงลิขสิทธิ์ในการทำซ้ำให้แก่รัฐบาลฝรั่งเศส เขาทำโครงการนี้ที่โรงแรม Hôtel Biron กลางกรุงปารีสซึ่งต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์รอแด็ง (Musée Rodin) เป็นที่เก็บรักษาผลงานชิ้นนี้รวมทั้งผลงานสำคัญชิ้นอื่นๆของรอแด็งอีกด้วย

The Gates of Hell เป็นงานประติมากรรมขนาดใหญ่สูง 6 เมตร กว้าง 4 เมตร ลึก 1 เมตร ความโดดเด่นของงานชิ้นนี้อยู่ที่องค์ประกอบสำคัญที่เป็นรูปปั้นคนขนาดต่างๆตั้งแต่ขนาดสูง 15 เซนติเมตรจนถึงสูงกว่า 1 เมตรรวมทั้งหมด 186 ชิ้นทุกชิ้นผ่านการคิดและออกแบบลักษณะท่าทางอันยอดเยี่ยมจากรอแด็งซึ่งรูปปั้นคนส่วนใหญ่เป็นตัวแทนของตัวละครสำคัญในวรรณกรรมเรื่อง Divine Comedy นั่นเอง แต่ที่พิเศษยิ่งกว่านั้นคือรอแด็งได้นำรูปปั้นเหล่านั้นจำนวนมากไปขยายทำเป็นชิ้นงานเฉพาะต่างหากซึ่งกลายเป็นผลงานสำคัญที่สร้างชื่อเสียงให้กับเขาเป็นอย่างมาก และหนึ่งในนั้นเป็นผลงานชิ้นเอกของเขาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดและทุกคนรู้จักเป็นอย่างดีนั่นคือประติมากรรม “คนครุ่นคิด”

 
The Thinker ผลงานชิ้นเอกอันโด่งดัง

auguste-rodin-later-years-01

 
ประติมากรรม “คนครุ่นคิด” หรือ The Thinker เป็นรูปปั้นผู้ชายเปลือยนั่งอยู่บนก้อนหินวางคางไว้บนมือข้างหนึ่งในท่าทีกำลังครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง เดิมเป็นองค์ประกอบสำคัญที่อยู่ตรงกลางของส่วนที่อยู่เหนือประตูในผลงาน The Gates of Hell นักวิชาการบางคนเชื่อว่ารอแด็งสร้าง The Thinker เพื่อแสดงถึง Dante Alighieri ที่ประตูนรกขณะกำลังครุ่นคิดไตร่ตรองบทกวีอันยิ่งใหญ่ของเขาอยู่ แต่บางคนโต้แย้งว่าไม่น่าใช่เพราะรูปร่างไม่สอดคล้องกับตัวจริงของ Dante อีกทั้งยังเป็นผู้ชายเปลือยที่น่าจะสื่อถึงวีรบุรุษผู้อุดมด้วยสติปัญญาและความสามารถด้านกวีมากกว่า ปัจจุบันรูปปั้น The Thinker ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของความคิดและปรัชญา

รอแด็งสร้าง The Thinker ในเวอร์ชั่นปูนพลาสเตอร์ขนาดเล็กขึ้นมาครั้งแรกในปี 1881 ก่อนจะสร้างเป็นเวอร์ชั่นเต็มรูปแบบนำไปจัดแสดงในงาน Salon des Beaux-Arts ปี 1904 และเวอร์ชั่นรูปหล่อสำริดถูกสร้างขึ้นในปี 1906 ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์รอแด็ง The Thinker เป็นผลงานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของรอแด็งและยังได้รับยกย่องเป็นหนึ่งในประติมากรรมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ศิลปะ รวมทั้งยังเป็นรูปปั้นที่ถูกทำซ้ำมากที่สุดอีกชิ้นหนึ่งด้วย เฉพาะรูปหล่อสำริดเวอร์ชั่นเต็มขนาดเท่าต้นฉบับมีการสร้างขึ้นในช่วงที่รอแด็งยังมีชีวิตอยู่และในเวลาต่อมารวม 28 ชิ้นเพื่อนำไปติดตั้งไว้ในพิพิธภัณฑ์และสถานที่สำคัญในประเทศต่างๆทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีการสร้างในขนาดที่เล็กลงมาด้วยวัสดุหลากหลายอีกจำนวนมากมายแทบนับไม่ถ้วน

 
ศิลปินต้นแบบงานประติมากรรมสมัยใหม่

auguste-rodin-flourish-period-19

 
นอกจาก The Thinker แล้วรูปปั้นที่รอแด็งใช้ต้นแบบจาก The Gates of Hell นำมาขยายเป็นผลงานแยกต่างหากและได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงอย่างมากได้แก่ The Kiss, The Three Shades, Eternal Springtime, I Am Beautiful เป็นต้น แต่ละรูปยังถูกสร้างในหลายเวอร์ชั่นทั้งงานแกะสลักหินอ่อน รูปหล่อสำริด รวมทั้งรูปหล่อปูนพลาสเตอร์ ผลงานเหล่านี้ทำให้ชื่อเสียงของรอแด็งโด่งดังมากยิ่งขึ้นเป็นประติมากรชั้นแนวหน้าของประเทศและนำมาซึ่งการได้รับงานสำคัญอีกจำนวนมาก เช่น The Burghers of Calais, Monument to Victor Hugo และ Monument to Balzac พอถึงทศวรรษ 1900 เขาก็กลายเป็นประติมากรที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก ผลงานประติมากรรมของเขาเป็นที่ต้องการอย่างสูงทั่วโลก

จุดเด่นในประติมากรรมของรอแด็งที่สร้างความแตกต่างและโดดเด่นเหนือผลงานของศิลปินอื่นในยุคเดียวกันคือรูปปั้นของเขาสามารถแสดงอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ เช่น ความหลงใหล การครุ่นคิด ความสิ้นหวัง ฯลฯ ผ่านทางสีหน้าและท่าทางที่สมจริงอย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด ตัวอย่างเช่นนักคิดในรูปปั้น The Thinker ไม่ได้ครุ่นคิดด้วยสมองที่แสดงออกผ่านการเอาคางวางไว้บนมืออย่างเดีียวเท่านั้น แต่ยังคิดผ่านคิ้วที่ขมวดมุ่น รูจมูกที่โป่งพอง ริมฝีปากที่ขบแน่น รวมทั้งกล้ามเนื้อที่แขน หลัง และขาทุกมัด ตลอดจนมือที่กำแน่นและการจิกหัวแม่เท้า ผลงานของเขาจึงโดนใจบรรดาศิลปินรุ่นใหม่หัวก้าวหน้าอย่างมาก อีกทั้งรอแด็งยังเป็นศิลปินคนแรกๆที่ยืนยันว่าชิ้นงานที่มีเพียงบางส่วนของร่างกายเช่นลำตัวหรือมือสามารถสื่อความหมายได้ด้วยตัวเองและถือว่าเป็นชิ้นงานศิลปะที่สมบูรณ์ ศิลปินรุ่นใหม่จำนวนมากใช้ผลงานของรอแด็งเป็นต้นแบบในการสร้างสรรค์ผลงาน เขาจึงได้รับการยกย่องเป็นบิดาแห่งประติมากรรมสมัยใหม่

 
โลกสองใบที่ต้องปิดบังของคนใจรวนเร

auguste-rodin-flourish-period-01

 
รอแด็งพบรักและอยู่กินกับช่างเย็บผ้าสาว Rose Beuret ตั้งแต่ปี 1864 มีลูกชายด้วยกัน 1 คน ทั้งคู่ฝ่าฟันช่วงชีวิตที่ยากลำบากมาด้วยกันอย่างยาวนาน Rose เป็นภรรยาและเพื่อนที่ซื่อสัตย์ของรอแด็งรวมทั้งเป็นนางแบบให้เขาหลายครั้ง เธอตามไปอยู่กับเขาที่เบลเยี่ยมและอิตาลีก่อนจะกลับมาอยู่ที่กรุงปารีสพร้อมหน้ากับลูกชายซึ่งต้องฝากญาติเลี้ยงในช่วงที่พวกเขาอยู่ที่ต่างประเทศ ชีวิตครอบครัวดูเหมือนจะราบรื่นดีจนถึงปี 1883 รอแด็งซึ่งเป็นประติมากรชื่อดังแล้วได้พบกับ Camille Claudel ประติมากรสาวน้อยวัย 18 ปีผู้มากพรสวรรค์ซึ่งเข้ามาฝึกงานในสตูดิโอของเขา เพียงไม่นานทั้งคู่ก็ตกหลุมรักกัน Camille กลายเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งานของรอแด็ง เธอเป็นนางแบบในผลงานของเขาจำนวนมาก พรสวรรค์ทางศิลปะของเขาและเธอช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกันทำให้เก่งขึ้นทั้งคู่ Camille เป็นผู้ช่วยที่เข้มแข็งของรอแด็งในขณะเดียวกันเธอก็สร้างผลงานของตัวเองในฐานะศิลปินด้วย

ถึงรอแด็งกับ Camille จะเป็นชู้รักที่เข้ากันได้ดีแต่พวกเขาไม่เคยอยู่ด้วยกันเพราะรอแด็งไม่ยอมหย่ากับ Rose ความสัมพันธ์ศิลปินรุ่นใหญ่กับศิลปินสาวดาวรุ่งที่อายุห่างกัน 24 ปีจึงต้องถูกปกปิดเอาไว้ โลกสองใบของรอแด็งดำเนินไปกว่า 10 ปีก็ถึงจุดเปลี่ยนเมื่อ Camille เกิดความหึงหวงและทนกับสภาพที่เป็นอยู่ไม่ได้ รวมทั้งมีอาการทางจิตเกิดความหวาดระแวงว่ารอแด็งสมคบคิดต่อต้านงานของเธอ ทั้งคู่จึงแยกทางกันในปี 1898 ต่อมา Camille มีอาการทางจิตรุนแรงขึ้นเธอทำลายผลงานรูปปั้นของเธอไปจำนวนมากจนในที่สุดครอบครัวได้นำเธอไปอยู่ที่โรงพยาบาลโรคจิตและเธออยู่ที่นั่นนานเกือบ 30 ปีจนเสียชีวิต ปี 1917 รอแด็งแต่งงานกับ Rose หลังจากที่ทั้งคู่อยู่กินกันมานาน 53 ปี และหลังจากแต่งงานได้สองสัปดาห์ Rose ก็เสียชีวิต ปลายปีเดีียวกันรอแด็งเสียชีวิตที่บ้านพักของเขาชานกรุงปารีสจากอาการเลือดคั่งในปอด มีอายุ 77 ปี

 
ผลงานสุดล้ำค่าของประติมากรผู้ยิ่งใหญ่

รอแด็งประสบความสำเร็จในฐานะประติมากรค่อนข้างช้ามากแต่พอปลดล็อกทางความคิดได้สำเร็จผลงานชั้นยอดจากพรสวรรค์ที่ล้ำเลิศก็พรั่งพรูออกมาอย่างต่อเนื่อง ประติมากรรมของรอแด็งมีความงดงามด้วยสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่นเหนือศิลปินอื่นในยุคเดียวกัน และต่อไปนี้คือส่วนหนึ่งของผลงานสุดล้ำค่าของประติมากรผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้

Early Works (1864 – 1880)

auguste-rodin-early-works-01

The Age of Bronze

auguste-rodin-early-works-02

Man with the Broken Nose

auguste-rodin-early-works-03

The Shade

auguste-rodin-early-works-04

Bellona

auguste-rodin-early-works-05

Suzon

auguste-rodin-early-works-06

The Call to Arms

auguste-rodin-early-works-07

Young Girl with Roses on Her Hat

auguste-rodin-early-works-08

Young Girl

auguste-rodin-early-works-09

Bust of a Smiling Woman

Flourish Period (1880 – 1900)

auguste-rodin-flourish-period-01

The Kiss

auguste-rodin-flourish-period-02

The Gates of Hell

auguste-rodin-flourish-period-03

The Three Shades

auguste-rodin-flourish-period-04

The Burghers of Calais

auguste-rodin-flourish-period-05

Saint John the Baptist

auguste-rodin-flourish-period-06

Adam (The Creation of Man)

auguste-rodin-flourish-period-07

Monument to Balzac

auguste-rodin-flourish-period-08

Monument to Victor Hugo

auguste-rodin-flourish-period-09

Balzac in a Frock Coat

auguste-rodin-flourish-period-10

Danaid

auguste-rodin-flourish-period-11

Andromeda

auguste-rodin-flourish-period-12

Adam and Eve Expelled from Paradise

auguste-rodin-flourish-period-13

Eternal Springtime

auguste-rodin-flourish-period-14

Fugitive Love

auguste-rodin-flourish-period-15

Eternal Idol

auguste-rodin-flourish-period-16

Eve

auguste-rodin-flourish-period-17

Brother and Sister

auguste-rodin-flourish-period-18

Crouching Woman

auguste-rodin-flourish-period-19

Torso of Adele

auguste-rodin-flourish-period-20

La Douleur (de La Porte)

auguste-rodin-flourish-period-21

The Martyr

auguste-rodin-flourish-period-22

I am Beautiful

auguste-rodin-flourish-period-23

Jean d’Aire

auguste-rodin-flourish-period-24

Jean de Fiennes

auguste-rodin-flourish-period-25

Bust of Jules Dalou

auguste-rodin-flourish-period-26

Bust of Victor Hugo

auguste-rodin-flourish-period-27

The Cry

auguste-rodin-flourish-period-28

Young Woman with a Serpent

auguste-rodin-flourish-period-29

Youth Triumphant

auguste-rodin-flourish-period-30

Ugolino and His Sons

Later Years (1900 – 1917)

auguste-rodin-later-years-01

The Thinker

auguste-rodin-later-years-02

The Walking Man

auguste-rodin-later-years-03

Gustav Mahler

auguste-rodin-later-years-04

Cupid and Psyche

auguste-rodin-later-years-08

The Cathedral

auguste-rodin-later-years-06

Romeo and Juliet

auguste-rodin-later-years-05

Poet And Muse

auguste-rodin-later-years-07

The Prodigal Son

auguste-rodin-later-years-09

The Temptation of Saint Anthony

โอกุสต์ รอแด็ง เป็นประติมากรผู้มีผลงานโดดเด่นที่สุดในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 ประติมากรรมของเขามีความโดดเด่นที่การแสดงอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ผ่านทางสีหน้าและท่าทางที่สมจริงอย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด อันที่จริงรอแด็งยังมีผลงานด้านอื่นอีกจำนวนมากทั้งภาพเขียน ภาพวาด และภาพพิมพ์นับพันชิ้น แต่ความดังในงานประติมากรรมของเขาได้บดบังผลงานด้านอื่นจนมิดรอแด็งได้รับการยกย่องว่าศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ที่มีฝีมือยอดเยี่ยมเทียบชั้นได้กับ Michelangelo และเป็นต้นแบบของงานประติมากรรมสมัยใหม่

auguste-rodin-02

 

ข้อมูลและภาพจาก wikipedia, discoverwalks, biography

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *