1. Rafflesia Arnoldii
Rafflesia Arnoldii เป็นดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก วัดความกว้างได้ถึง 1.5 เมตรอย่างไม่น่าเชื่อ เป็นพืชกาฝากชนิดหนึ่งซึ่งหมายความว่าพวกมันไม่มีคลอโรฟิลล์ต้องขโมยสารอาหารจากรากของพืชชนิดอื่น เป็นสายพันธุ์ที่ใกล้เคียงกับบัวผุด (Rafflesia kerri) ที่พบทางภาคใต้ของประเทศไทย พืชชนิดนี้เป็นสายพันธุ์ที่หายากมากไม่ค่อยมีใครรู้จักเกี่ยวกับชีววิทยาของมัน และพบได้เฉพาะที่ป่าฝนเขตร้อนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แถบเกาะสุมาตราและเกาะบอร์เนียว
2. Hooker’s Lips
ริมฝีปากสีแดงสดเป็นมันปลาบที่อาจดูเหมือนภาพเขียนของแอนดี วอร์ฮอลนั้น แท้จริงแล้วมันเป็นใบประดับของพืชท้องถิ่นอเมริกาใต้ที่รู้จักกันในชื่อ Hooker’s Lips หรือ Hot Lips ดอกไม้ที่แปลกประหลาดเหลือเชื่อนี้พบได้ในโคลัมเบีย คอสตาริกา และปานามา เป็นดอกไม้ที่ได้รับความนิยมอย่างมากเนื่องจากมีลักษณะโดดเด่นเฉพาะตัว แต่ขณะนี้ถูกจัดอยู่ในรายชื่อสายพันธุ์ที่ใกล้สูญพันธุ์แล้ว
3. Flying Duck Orchid
ไม่มีพืชตระกูลอื่นใดที่มีความหลากหลายของดอกเท่ากับกล้วยไม้ และดอกกล้วยไม้บางชนิดก็แปลกประหลาดอย่างยิ่ง Flying Duck Orchid มีลักษณะและกลิ่นเหมือนแมลงตัวเมียดึงดูดแมลงตัวผู้ให้ช่วยผสมพันธุ์ รูปร่างที่เหมือนเป็ดที่กำลังบินอยู่นั้นเป็นธรรมชาติที่ช่างบังเอิญเหลือเกิน แต่หากต้องการกล้วยไม้ประหลาดนี้สักดอกคุณจะต้องไปที่ออสเตรเลียเท่านั้น
4. Corpse Flower
ดอกไม้ที่สูงกว่ามนุษย์และมีกลิ่นเหม็นรุนแรงคือลักษณะเฉพาะตัวของพืชท้องถิ่นอินโดนีเซียที่เรียกว่า Titan arum หนึ่งในดอกที่ใหญ่ที่สุดในโลกชนิดนี้อาจใช้เวลานานนับสิบปีกว่าดอกของมันจะบานสักครั้งหนึ่ง และช่วงที่ดอกไม้บานกินเวลาเพียง 48 ชั่วโมงเท่านั้น เมื่อบานสะพรั่งจะส่งกลิ่นเน่าเหม็นคล้ายเนื้อเน่าเพื่อดึงดูดแมลงผสมเกสร นั่นคือที่มาของชื่อที่รู้จักกันทั่วไปว่า Corpse Flower (ดอกไม้ศพ)
5. King Pitcher Plant
ในบรรดาพืชตระกูลหม้อข้าวหม้อแกงลิงที่สามารถเปลี่ยนใบของมันเป็นกับดักจับสัตว์กินเป็นอาหารได้นั้น Nepenthes rajah คือสายพันธ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดจนได้ชื่อว่า King Pitcher Plant มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ภูเขาแห่งหนึ่งบนเกาะบอร์เนียวของมาเลเซีย กับดักรูปเหยือกที่ใหญ่โตของมันอาจสูงถึง 41 ซม. และกว้าง 20 ซม. สามารถบรรจุน้ำได้ 3.5 ลิตร พวกมันผลิตน้ำย่อยอาหารไว้ในกับดักมากกว่า 2.5 ลิตร ดักจับสัตว์หลายชนิดตั้งแต่แมลง กบ กิ้งก่า ไปจนถึงนก
6. Monkey Face Orchid
มันเป็นความบังเอิญที่น่าอัศจรรย์ใจในสร้างสรรค์ของธรรมชาติ กล้วยไม้สายพันธุ์ Dracula simia มีใบหน้าของลิงปรากฏบนดอกของมันอย่างชัดเจนน่าทึ่งที่สุด เป็นพืชที่หายากและพิเศษมากเติบโตในป่าเมฆของเปรูและเอกวาดอร์ตะวันออกเฉียงใต้ กล้วยไม้หน้าลิงจะบานสะพรั่งเพิ่มความสวยงามให้กับป่าตลอดทั้งปี แถมยังส่งกลิ่นหอมคล้ายกับส้มสุก
7. Baseball Plant
พืชที่มีรูปร่างเหมือนกันกับลูกเบสบอลนี้มีถิ่นกำเนิดในแอฟริกาใต้ เป็นพืชที่ไม่มีกิ่งก้านจะเติบโตเป็นดอกตัวผู้หรือดอกตัวเมียเท่านั้น ส่วนใหญ่มี 8 แฉกมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6 – 15 ซม.ขึ้นอยู่กับอายุ ในธรรมชาติจัดเป็นพืชหายากและใกล้สูญพันธุ์เนื่องจากเติบโตช้า แต่ด้วยลักษณะพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์ของมันจึงได้รับความนิยมปลูกกันอย่างแพร่หลายในสวนพฤกษศาสตร์
8. Hydnellum Peckii
พืชลักษณะประหลาดแปลกตานี้เป็นฟังไจหรือเห็ดราชนิดพิเศษ เห็ดประหลาดนี้พบในอเมริกาเหนือ ยุโรป อิหร่าน และเกาหลี มีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่น Strawberries and cream และ Bleeding Tooth เป็นต้น ตอนที่อายุยังน้อยจะมีน้ำสีแดงสดคล้ายเลือดเยิ้มออกมา น้ำสีเลือดนั้นมีคุณสมบัติต้านการแข็งตัวของเลือด แม้ว่ามันจะไม่มีพิษแต่รสขมมากทำให้กินไม่ได้
9. Welwitschia mirabilis
ดูเหมือนว่าพืชที่สามารถพบได้ในทะเลทรายนามิเบียเท่านั้นจะไม่มีอะไรพิเศษ แต่มันกลับมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แปลกไม่เหมือนใครอย่างแท้จริง Welwitschia mirabilis ประกอบด้วยใบเพียง 2 ใบกับลำต้นพร้อมรากที่แข็งแรง นั่นคือทั้งหมดของมัน แต่เจ้าพืชชนิดเป็นสุดยอดของความอึดและทนทานสามารถเติบโตได้เรื่อยๆในสภาพอากาศที่รุนแรง สามารถอยู่รอดโดยที่ไม่มีฝนเลยต่อเนื่องนาน 5 ปี มันมีอายุยืนยาวถึงราว 500 – 1,500 ปี กล่าวกันว่าพืชชนิดนี้อร่อยมากจนเป็นที่มาของชื่อเรียกอีกอย่างว่า Onyanga ซึ่งหมายถึงหัวหอมแห่งทะเลทราย
10. Baobab
ต้นไม้ที่มีลักษณะแปลกตานี้พบได้ในพื้นที่แห้งแล้งบนเกาะมาดากัสการ์และในออสเตรเลีย ความโดดเด่นของมันอยู่ที่ลำต้นที่สูงได้ถึง 25 เมตรและอวบอ้วนกว้างกว่า 3 เมตร มีลักษณะคล้ายขวดน้ำจึงมีชื่อที่เรียกกันทั่วไปว่า Bottle Tree มันไม่เพียงมีรูปร่างคล้ายขวดน้ำเท่านั้นแต่ยังเก็บน้ำได้มากเหมือนขวดน้ำอีกด้วย ลำต้นของมันสามารถกักเก็บน้ำไว้ได้ถึง 300 ลิตร จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกมันถึงมีอายุยืนยาวถึง 500 ปี
ข้อมูลและภาพจาก themysteriousworld, 247wallst, gardenerknowhow