นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบวิธีง่ายๆที่จะช่วยให้ร่างกายของคุณดูดซึมสารอาหารจากผักดิบได้มากขึ้นคือการวางไข่ต้มไว้บนจานสลัด ผู้ที่กินไข่ต้มพร้อมกับสลัดผักสามารถดูดซึมแคโรทีนอยด์ได้มากกว่าผู้ที่กินผักอย่างเดียวหลายเท่า รวมถึงไลโคปีนและเบต้าแคโรทีนที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่อาจลดความเสี่ยงต่อมะเร็ง, โรคความจำเสื่อม และป้องกันโรคหัวใจ สารอาหารเหล่านี้ละลายในไขมัน และไขมันในไข่ต้มช่วยให้ดูดซึมได้มากขึ้น
2. ชาเขียวกับมะนาว
การบีบมะนาวลงไปไม่เพียงแค่ทำให้ชาเขียวของคุณมีรสชาติที่สดใหม่ นักวิจัยพบว่าน้ำมะนาวช่วยให้สารต้านอนุมูลอิสระในชาเขียวที่เรียกว่าคาเทชิน (Catechins) สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น คาเทชินมีส่วนช่วยให้สุขภาพของหัวใจและสมองดีขึ้น รวมทั้งช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง ชาเขียวผสมมะนาวจึงเป็นส่วนผสมที่ลงตัวและเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ
3. โยเกิร์ตกับกล้วย
นอกจากจะเป็นส่วนผสมพื้นฐานที่สมบูรณ์แบบสำหรับสมูทตี้แสนอร่อยแล้ว โยเกิร์ตกับกล้วยยังเป็นส่วนผสมชั้นดีที่ช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อหลังการออกกำลังกายอีกด้วย งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าการกินโยเกิร์ตกับกล้วยด้วยกันไม่นานหลังการออกกำลังกายจะช่วยเร่งการฟื้นตัวของกล้ามเนื้อ โพแทสเซียมที่มีในกล้วยกับโปรตีนในโยเกิร์ตจะช่วยกันสร้างกล้ามเนื้อและเติมกรดอะมิโนที่หมดไประหว่างการออกกำลังกายได้เป็นอย่างดี
4. มะเขือเทศกับอะโวคาโด
เหตุผลเดียวกับการเพิ่มไข่ต้มในสลัดผัก การเพิ่มไขมันที่มีประโยชน์จากอะโวคาโดลงในมะเขือเทศจะช่วยให้แคโรทีนอยด์ของมะเขือเทศดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น มะเขือเทศอุดมไปด้วยไลโคปีนซึ่งเป็นสารแคโรทีนอยด์ที่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและมะเร็ง ขณะที่อะโวคาโดก็มีสารอาหารที่มีประโยชน์มากมาย หากต้องการเพิ่มไลโคปีนในร่างกายก็สามารถทำได้ง่ายๆโดยการผสมมะเขือเทศกับอะโวคาโดหรือราดด้วยน้ำมันมะกอกเล็กน้อย
5. ปลากับไวน์
การกินปลากับไวน์นั้นถือเป็นการจับคู่ที่คลาสสิคมากมาแต่ไหนแต่ไร ไวน์รสเลิศกินแกล้มกับเนื้อปลาแสนอร่อยเป็นเมนูวิเศษสุดสำหรับหลายคนอยู่แล้ว แต่สิ่งที่อาจไม่เคยรู้มาก่อนคือนักวิจัยพบว่าการดื่มไวน์ในปริมาณที่พอเหมาะจะทำหน้าที่เหมือนตัวกระตุ้นที่สามารถเพิ่มการดูดซึมกรดไขมันโอเมก้า 3 จากปลา โอเมก้า 3 ซึ่งพบในปลาเป็นหลักนั้นเชื่อกันว่าช่วยปกป้องร่างกายจากโรคหลอดเลือดหัวใจได้ดี ขณะเดียวกันการดื่มไวน์แดงในปริมาณที่พอเหมาะยังช่วยป้องกันระบบหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งอาจช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจด้วย
6. มะเขือเทศกับบร็อคโคลี่
มะเขือเทศกับบร็อคโคลี่เป็นอีกคู่หนึ่งที่เมื่อกินพร้อมกันแล้วทำให้เกิดประโยชน์เพิ่มพูน ผักสีเข้มสดทั้งสองนี้เต็มไปด้วยสารต้านมะเร็งซึ่งรวมถึงไลโคปีนและวิตามินซีจำนวนมากในมะเขือเทศและไฟโตเคมิคอลในบร็อคโคลี่ ในงานวิจัยศึกษามะเร็งต่อมลูกหมากพบว่าการกินมะเขือเทศกับบร็อคโคลี่ด้วยกันมีประสิทธิภาพในการชะลอการเติบโตของมะเร็งต่อมลูกหมากในหนูมากกว่าการกินเฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่ง
7. กระเทียมกับหัวหอม
พืชสมุนไพรคู่ครัวไทยสองอย่างนี้เวลาจับคู่กันไม่เพียงให้รสชาติที่ยอดเยี่ยมยังเกิดประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมาก ทั้งกระเทียมและหัวหอมต่างก็มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ และมะเร็งบางชนิด แต่เมื่อกินคู่กันร่างกายจะได้รับสารต้านอนุมูลอิสระเพิ่มเป็นสองเท่า นักวิจัยยังพบว่าเมื่อเพิ่มกระเทียมและหัวหอมลงในเมล็ดธัญพืชร่างกายจะได้รับสังกะสีและธาตุเหล็กจากเมล็ดธัญพืชเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีการดูดซึมได้ดีกว่าเดิม
8. อะโวคาโดกับปวยเล้ง
การผสมผสานอะโวคาโดและปวยเล้งเข้ากับอาหารของคุณจะสามารถป้องกันการเสื่อมสภาพของตาและโรคต้อกระจกที่อาจนำไปสู่ความบกพร่องในการมองเห็นและตาบอด ไขมันที่ดีต่อสุขภาพในอะโวคาโดและสารต้านอนุมูลอิสระลูทีนในปวยเล้งจะทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มสุขภาพที่ดีแก่ดวงตา ดังนั้นในมื้อต่อไปของคุณควรหาโอกาสกินอาหารคู่นี้ให้มากขึ้น
9. เนยถั่วกับกล้วย
เนยถั่วและกล้วยเป็นอาหารที่เข้าคู่กันได้อย่างเหมาะเจาะ มีวิธีมากมายที่จะเพลิดเพลินไปกับส่วนผสมที่มีประโยชน์นี้ตั้งแต่แซนวิชไปจนถึงสมูทตี้ กล้วยอุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นหลายอย่างและช่วยในการย่อยอาหารรวมทั้งช่วยส่งเสริมสุขภาพของหัวใจ ขณะที่เนยถั่วมีโปรตีนสูงและช่วยป้องกันโรคหัวใจ ส่วนผสมของเนยถั่วกับกล้วยช่วยในการฟื้นฟูกล้ามเนื้อหลังการออกกำลังกาย ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด รวมทั้งเป็นอาหารที่ยอดเยี่ยมสำหรับการลดน้ำหนัก
10. ขมิ้นกับพริกไทยดำ
ขมิ้นเป็นเครื่องเทศที่ถูกใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องแกงและอาหารหลายชนิดนั้นมีประโยชน์และสรรพคุณมากมาย ขมิ้นมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระซึ่งช่วยในการชะลอวัยและชะลอการเกิดริ้วรอย ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย รวมทั้งช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง สารประกอบในพริกไทยดำที่เรียกว่าไพเพอรีนช่วยการให้ดูดซึมสารอาหารจากขมิ้นเพิ่มขึ้นอย่างมาก เมื่อมาจับคู่กินด้วยกันจึงให้ทั้งรสชาติอร่อยจัดจ้านและประโยชน์ต่อสุขภาพเพิ่มทวีคูณ
ข้อมูลและภาพจาก treehugger, shape, eatthis