ก่อนที่ไมเคิลแองเจโลจะเสียชีวิตเขาได้ทำลายรูปป้้นหุ่นขี้ผึ้งของเขาจำนวนมาก รวมทั้งยังเผาภาพวาดลายเส้นและกระดาษสเก็ตช์ภาพอีกเป็นจำนวนมาก ไม่มีใครรู้ว่าทำไมเขาจึงทำอย่างนั้น นักวิชาการบางคนเชื่อว่าบางทีไมเคิลแองเจโลอาจไม่ต้องการให้ผู้คนเห็นความพยายามอย่างสูงที่เขาทุ่มเทให้กับงาน แต่ต้องการให้เห็นว่าเขาเป็นอัจฉริยะที่มีผลงานสมบูรณ์แบบ รูปป้้นหุ่นขี้ผึ้ง “A Slave” รอดพ้นจากการถูกทำลายและมาอยู่ในความครอบครองของพิพิธภัณฑ์ Museum of Ornamental Art ซึ่งต่อมากลายเป็นพิพิธภัณฑ์ Victoria & Albert Museum (V&A) ตั้งแต่ปี 1854 การระบาดของ COVID-19 ทำให้พิพิธภัณฑ์ต้องปิดชั่วคราวและนำไปสู่เหตุการณ์เหลือเชื่อครั้งนี้
“มันเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่ลายนิ้วมือของไมเคิลแองเจโลเหลือรอดอยู่บนหุ่นขี้ผึ้ง” Peta Motture ภัณฑารักษ์อาวุโสของ V&A กล่าว “เครื่องหมายดังกล่าวบ่งบอกถึงการมีอยู่ทางกายภาพของกระบวนการสร้างสรรค์ของศิลปิน เป็นที่ที่จิตใจและมือมารวมกัน ลายนิ้วมือจะเป็นการเชื่อมโยงโดยตรงกับศิลปิน”
Peta Motture เล่าว่าพวกเขาเห็นหุ่นขี้ผึ้ง “เริ่มเหงื่อออกและดูไม่สบายตัว” เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ซึ่งหมายความว่าเจ้าหน้าที่เริ่มวิตกกังกลเกี่ยวกับความปลอดภัยของรูปปั้นในช่วงที่อากาศร้อน และเนื่องจากแกลเลอรี่หันไปทางทิศใต้ดังนั้นในฤดูร้อนจะร้อนตลอดวัน พวกเขาจึงย้ายรูปปั้นไปเก็บที่ห้องใต้ดินเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ หลังจากผ่านไปห้าเดือนเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบรูปปั้นพวกเขาพบรอยนิ้วมือเล็กๆตรงสะโพกของรูปปั้น นักวิชาการคาดการณ์ว่าอุณหภูมิและความชื้นที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในองค์ประกอบทางเคมีของขี้ผึ้งซึ่งทำให้ลายนิ้วมือปรากฏเด่นชัดขึ้น
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องพิเศษ ไม่เคยมีเจตนาให้เป็นแบบนี้มาก่อน มันจึงเป็นสิ่งที่ค่อนข้างมีเสน่ห์และน่าทึ่ง แม้แต่ศิลปินเองก็คงไม่รู้หรอกว่าลายนิ้วมือของเขาจะปรากฏตัวขึ้นหลังจากที่เขาเสียชีวิตไปแล้วหลายศตวรรษ เจ้าหน้าที่ของ V&A วางแผนที่จะตรวจสอบลายนิ้วมือให้ละเอียดยิ่งขึ้นด้วยความหวังว่าจะสามารถยืนยันเจ้าของลายนิ้วมือได้ ซึ่งอาจช่วยยืนยันว่าเป็นหุ่นขี้ผึ้งของแท้ได้อีกทางหนึ่ง มีประติมากรรมดินเผาชื่อ Two Wrestlers (1530) ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่ามีลายนิ้วมือของไมเคิลแองเจโลและสามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้
ข้อมูลและภาพจาก livescience, smithsonianmag