1. ดูไม่เหมือนปลาแต่มันคือปลา
ม้าน้ำเป็นสัตว์ที่แปลกและแตกต่างจากสัตว์อื่นๆในท้องทะเลมาก จนยากที่จะจัดให้มันอยู่ในสัตว์ประเภทไหน ในสมัยกรีกโบราณพวกมันถูกเรียกเป็น “Sea Monster” หรือสัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเล แต่ในที่สุดนักวิทยาศาสตร์ก็สามารถระบุได้ว่ามันคือปลาชนิดหนึ่ง จัดอยู่ในสกุล Hippocampus (คำนี้มาจากภาษากรีกโบราณหมายถึง Sea Monster) ม้าน้ำเป็นปลาที่ไม่มีเกล็ด แต่มีโครงกระดูกภายนอกที่มาห่อหุ้มเป็นเกราะแทน ชุดเกราะของม้าน้ำมีโครงสร้างพิเศษที่แข็งแรงทนต่อแรงบีบได้ดี สามารถโค้งงอบิดเบี้ยวได้แต่แตกหักยาก
2. ไม่มีกระเพาะอาหารแต่กินเก่ง
ระบบย่อยอาหารของม้าน้ำเรียบง่ายไม่ซับซ้อนมีแต่ลำไส้อย่างเดียว ไม่มีกระเพาะสำหรับพักและย่อยอาหาร ดังนั้นอาหารของพวกมันจึงผ่านระบบย่อยไปอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ม้าน้ำจึงกินเกือบทั้งวัน ม้าน้ำกินปลาตัวเล็ก ไรทะเล (ฺBrine shrimp) และแพลงก์ตอนอย่างต่อเนื่อง ม้าน้ำตัวเดียวสามารถกินไรทะเลได้ถึง 3,000 ตัวในหนึ่งวัน วิธีกินก็ค่อนข้างพิเศษ พวกมันจะ “ดูด” อาหารเข้าทางปากที่ยื่นยาวคล้ายท่อ ตรงปลายจมูกมีที่เปิดสำหรับดูดเหยื่อที่เข้ามาใกล้ในระยะ 2 – 3 ซม.
3. ครองคู่อย่างสุดแสนโรแมนติก
แม้ม้าน้ำจะไม่ใช่สัตว์ที่มีคู่ครองเพียงตัวเดียวตลอดชีวิตในทุกตัวทุกสายพันธุ์ก็ตาม แต่ม้าน้ำจะมีความสัมพันธ์กับคู่ของมันอย่างยาวนาน อย่างน้อยก็ตลอดฤดูผสมพันธุ์ บางครั้งก็จะอยู่ด้วยกันหลายฤดูกาล และอาจตลอดชีวิตในบางสายพันธุ์ ม้าน้ำครองคู่กันอย่างสุดแสนโรแมนติก พวกมันจะมี “เดท” กันทุกวันเพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้แนบแน่น ทุกเช้าคู่รักม้าน้ำจะแหวกว่ายเข้าหากันและเปลี่ยนสีเมื่อเข้าใกล้กันมากขึ้น ต่อจากนั้นตัวผู้จะว่ายไปรอบๆตัวเมีย จากนั้นทั้งคู่ก็ว่ายไปรอบๆวัตถุเล็กๆโดยใช้หางพันกันราวกับนักเต้นรำคู่หนึ่งที่กำลังวาดลีลาอยู่บนฟลอร์ ทั้งหมดนี้ใช้เวลาเป็นชั่วโมง
4. ตัวผู้เป็นฝ่ายอุ้มท้องคลอดลูก
ม้าน้ำเป็นหนึ่งในสัตว์เพียงไม่กี่ชนิดที่ตัวผู้เป็นฝ่ายอุ้มท้องและคลอดลูก ในช่วงสุดท้ายของการเต้นรำกระชับความสัมพันธ์คู่รักม้าน้ำจะเอาหน้าท้องชนกัน ตัวเมียจะปล่อยไข่ลงในถุงหน้าท้องของตัวผู้ ตัวผู้จะปล่อยน้ำเชื้อเข้าไปผสมกับไข่ ไข่ที่ปฏิสนธิจะฝังอยู่ในผนังถุงหน้าท้อง ตัวผู้จะให้อาหารเลี้ยงดูตัวอ่อนจนกระทั่งฟักออกมาในถุง ซึ่งจะใช้เวลาราว 2 – 4 สัปดาห์ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ เมื่อลูกม้าน้ำตัวน้อยพร้อมจะผจญภัยในโลกภายนอก พ่อของมันก็จะเปิดปากถุงและพ่นลูกน้อยออกมาครอกละหลายสิบถึงหลายร้อยตัว บางสายพันธุ์อาจมากถึง 1,500 ตัว แต่จะมีเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่อยู่รอดจนโต
5. เป็นปลาที่ว่ายน้ำช้าที่สุดในโลก
แม้ว่าม้าน้ำจะเป็นปลาแต่ร่างกายของมันไม่เหมือนปลาทั่วไปเลย ม้าน้ำมีหางหยิกยาว จมูกยาว หัวรูปม้า แถมยังเป็นปลาชนิดเดียวที่มีคออีกด้วย ต่างจากปลาส่วนใหญ่ที่ว่ายน้ำในแนวราบ ม้าน้ำว่ายน้ำโดยลำตัวค่อนข้างตั้งตรง พวกมันไม่มีครีบหางที่ช่วยในการขับเคลื่อนในน้ำ มีแค่เพียงครีบหลังขนาดเล็กทำหน้าที่แทน และมีครีบอกเล็กๆช่วยบังคับทิศทาง ดังนั้นพวกมันจึงว่ายน้ำได้ช้ามาก ม้าน้ำแคระ (Pygmy seahorse) ที่มีความยาวไม่เกิน 2.4 ซม. เป็นเจ้าของสถิติปลาที่ว่ายน้ำช้าที่สุดในโลกด้วยความเร็ว 1.5 เมตรต่อชั่วโมง ถึงจะช้าแต่ม้าน้ำก็ยังมีการเคลื่อนที่ในน้ำคล่องแคล่วพอตัว เพราะมันสามารถว่ายไปได้ทุกทิศทางทั้งข้างหน้า ข้างหลัง ขึ้นบน ลงล่าง ได้หมด
6. สามารถพรางตัวเก่งไม่ธรรมดา
ม้าน้ำจัดเป็นสัตว์จอมพรางตัวอีกชนิดหนึ่ง พวกมันสามารถเปลี่ยนสีผิวอย่างรวดเร็วเพื่อให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมได้ และสามารถเปลี่ยนแปลงลักษณะผิวเพื่อให้คล้ายกับสิ่งต่างๆรอบตัวได้ พวกมันสามารถสร้างเส้นขนข้างลำตัวเลียนแบบตะไคร่น้ำ สาหร่าย และพืชอื่นๆ บางสายพันธุ์ยังสามารถสร้างปุ่มเล็กๆตามลำตัวเพื่อให้ดูคล้ายกับกัลปังหาที่พวกมันชอบซ่อนตัวอยู่ ความสามารถอันน่าทึ่งนี้ช่วยม้าน้ำในการไล่ล่าและซุ่มโจมตีเหยื่อ ทำให้พวกมันเป็นนักล่าที่มีทักษะยอดเยี่ยม โดยมีอัตราการล่าสำเร็จถึง 90%
7. มองหน้าและหลังได้พร้อมกัน
ความสามารถอันน่าทึ่งของม้าน้ำอีกอย่างหนึ่งคือ พวกมันสามารถมองไปข้างหน้าและข้างหลังได้ในเวลาเดียวกัน สิ่งนี้เป็นไปได้เพราะดวงตาสองข้างของม้าน้ำทำงานแยกจากกันโดยอิสระ (คล้ายกิ้งก่า) ม้าน้ำสามารถควบคุมให้ดวงตาข้างหนึ่งมองไปด้านหน้าในขณะที่ดวงตาอีกข้างจ้องไปด้านหลัง หรือตาข้างหนึ่งมองทางซ้ายอีกข้างมองทางขวาก็ได้ วิธีนี้ช่วยให้พวกมันมองรอบตัวได้กว้างกว่าและสามารถจับตาดูเหยื่อหรือนักล่ารอบตัวได้โดยไม่ต้องขยับตัว ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการล่าหรือหนีนักล่าได้ดียิ่งขึ้น
8. มีเอกลักษณ์แบบลายนิ้วมือคน
ลายนิ้วมือของคนมีรูปแบบเฉพาะในแต่ละคนที่ไม่เหมือนกันเลย เราจึงสามารถใช้ลายนิ้วมือในการระบุตัวตนของบุคคลได้ ม้าน้ำก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของพวกมันเหมือนกัน ม้าน้ำแต่ละตัวมี “มงกุฎ” (Coronet) ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง กลุ่มหนามบนหัวที่เป็นเสมือนมงกุฎของม้าน้ำนั้นมีลวดลายแตกต่างกันในแต่ละตัว ไม่มีม้าน้ำสองตัวใดที่มีลวดลายมงกุฎเหมือนกัน ดังนั้นจึงสามารถแยกแยะหรือระบุตัวตนของม้าน้ำได้ด้วยมงกุฎบนหัวของพวกมันแบบเดียวกับลายนิ้วมือของคน
9. ใช้หางแบบเดียวกับคนใช้มือ
ม้าน้ำไม่ได้มีหางเป็นครีบเหมือนปลาทั่วไป พวกมันมีหางลักษณะเรียวยาวคล้ายกับหางสัตว์เลื้อยคลานจำพวกกิ้งก่า หางของม้าน้ำมีความยืดหยุ่นสูงสามารถใช้จับวัตถุต่างๆได้อย่างเหนียวแน่น ม้าน้ำใช้หางของมันทำกิจกรรมมากมายหลายอย่างแบบเดียวกับคนใช้มือ ในตอนมีลมพายุมันจะใช้หางยึดตัวเองไว้หญ้าทะเลหรือปะการังเพื่อเอาชีวิตรอด ในบริเวณที่กระแสน้ำแรงพวกมันก็ใช้วิธีเดียวกันช่วยในการหาอาหาร ม้าน้ำใช้หางโอบกอดคู่ของมันและใช้หางเกาะเกี่ยวพันกัน (เหมือนคนจับมือกัน) ในระหว่างการเต้นรำประจำวัน นอกจากนี้ยังใช้หางเป็นอาวุธในการต่อสู้กันอีกด้วย
10. ศัตรูตัวร้ายของมันคือมนุษย์
ในธรรมชาติม้าน้ำมีศัตรูผู้ล่ามันอยู่ไม่น้อย เช่น ปลาทูน่าท้องแถบ เต่าหัวค้อน ฉลามฮอร์น และเพนกวินนางฟ้า แต่ศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดของม้าน้ำคือมนุษย์ ม้าน้ำถูกนำมาใช้เป็นตัวยาตามตำราการแพทย์แผนจีน ด้วยเชื่อว่าช่วยบำรุงกำลังและเสริมสมรรถนะทางเพศ ทำให้ในปีหนึ่งๆม้าน้ำทั่วโลกถูกจับเพื่อการนี้เป็นจำนวนกว่า 25 ล้านตัว นอกจากนี้พวกยังถูกนำไปทำเป็นเครื่องประดับอีกด้วย ทำให้ในปัจจุบันม้าน้ำบางสายพันธุ์กลายเป็นสัตว์หายากและใกล้สูญพันธุ์
ข้อมูลและภาพจาก a-z-animals, oceanconservancy, scuba