ที่จริงนักวิจัยของมหาวิทยาลับยูทาห์ผู้ค้นพบเหตุการณ์นี้ไม่ได้ศึกษาแบดเจอร์โดยตรง พวกเขากำลังศึกษาระบบนิเวศของสัตว์กินซากในทะเลทรายในช่วงฤดูหนาว พวกเขาได้วางซากลูกวัว 7 ตัวในเดือนมกราคม และตั้งกล้องวิดีโอเอาไว้เพื่อบันทึกสัตว์กินซากตัวที่โชคดีมาพบกับอาหารชิ้นใหญ่เข้า นักวิจัยคาดว่าจะได้เห็นภาพของอีแร้งหรือนกกินซากอื่นๆ
ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ Evan Buechley นักศึกษาปริญญาเอกกลับไปดูผล เขาพบว่ามีซากหนึ่งหายไป เขาคิดว่าพวกหมาป่าหรือสิงโตภูเขาอาจจะลากออกไป เขาตามหารอบบริเวณแต่ไม่พบ แล้วเขาก็สังเกตเห็นว่าพื้นดินบริเวณที่วางซากมีร่องรอยการขุดคุ้ย เมื่อกลับไปดูภาพจึงได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
แบดเจอร์ตัวผู้ตัวหนึ่งได้เริ่มขุดดินรอบๆและข้างใต้ซากลูกวัว ขุดเอาดินขึ้นมา จนในที่สุดสามารถกลบมิดซากทั้งตัว ใช้เวลาทั้งสิ้น 5 วัน นับว่าเจ้าแบดเจอร์ตัวนี้มีความพยายามอย่างมากเพราะซากวัวตัวใหญ่กว่าตัวมันตั้ง 3 – 4 เท่า
เมื่องานของมันเสร็จเรียบร้อย เจ้าแบดเจอร์หลบหน้าไปสองสามวัน แต่หลังจากนั้นมันกลับมากินซากลูกวัวตลอดอีกหลายสัปดาห์จนถึงต้นเดือนมีนาคม
แบดเจอร์ซ่อนอาหารของมันเพื่อป้องกันสัตว์กินซากอื่นมาแย่งกิน และเก็บไว้ในสภาพที่อาหารของมันจะอยู่ได้นานขึ้น และยังพบว่าแบดเจอร์ตัวอื่นก็พยายามจะฝังซากลูกวัวเช่นกัน ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ
ข้อมูลและภาพจาก gizmodo, newscientist