“นี่เป็นวันแห่งประวัติศาสตร์สำหรับประเทศของเรา” Adele Thorens Goumaz สมาชิกรัฐสภากลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกล่าว “ในที่สุดประเทศสวิตเซอร์แลนด์จะก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ในด้านพลังงาน”
“หลังการถกเถียงในรัฐสภาและระดับกรรมาธิการนาน 6 ปี ปฐมบทใหม่ของนโยบายพลังงานของสวิตเซอร์แลนด์ก็สามารถเริ่มต้นได้” Doris Leuthard รัฐมนตรีพลังงานกล่าว “แต่ยังคงมีงานต้องทำอีกมาก”
ความเคลื่อนไหวนี้ได้สะท้อนความพยายามทั่วทั้งทวีปยุโรปที่จะลดการพึ่งพาพลังงานนิวเคลียร์ซึ่งได้เริ่มมาตั้งแต่หลังการเกิดภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิในปี 2011 เยอรมันได้ประกาศปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้งหมดภายในปี 2022 ส่วนออสเตรียนั้นสั่งห้ามมานานเกินสิบปีแล้ว
รัฐบาลสวิสต้องการส่งเสริมโรงไฟฟ้าพลังน้ำซึ่งมีอยู่ราว 60% ต่อไป และส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังแสงอาทิตย์, พลังลม, พลังความร้อนใต้พิภพ และพลังชีวมวล ซึ่งปัจจุบันมีเพียงเล็กน้อยให้มาทดแทนการผลิตไฟฟ้าจากนิวเคลียร์
กฏหมายใหม่นี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในปี 2018 Leuthard บอกว่าตามแผนนี้จะทำให้แต่ละครอบครัวจะมีค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นราว 40 ฟรังก์สวิสต่อปี เนื่องจากต้องช่วยจ่ายเงินอุดหนุนสำหรับพลังงานหมุนเวียน
ตามแผนดังกล่าวยังไม่ได้กำหนดชัดเจนว่าจะเลิกใช้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เมื่อไหร่ แต่มีเป้าหมายที่จะลดอัตราการใช้ไฟฟ้าของประชาชนต่อคนต่อปีลง 16% ภายในปี 2020 และลดลง 43% ภายในปี 2035
นี่เป็นอีกหนี่งความเคลื่อนไหวที่ชี้ให้เห็นทิศทางและแนวโน้มของโลกเรื่องการปรับเปลี่ยนการใช้พลังงานที่ดูเหมือนถนนทุกสายจะมุ่งไปสู่พลังงานหมุนเวียน
ข้อมูลและภาพจาก independent.co.uk, technologyreview