ชั้นบนสุดเป็นกระจกเทมเปอร์ที่ทนทานเป็นพิเศษทำหน้าที่ป้องกันความเสียหายของชั้นวัสดุอื่น ถัดไปเป็นชั้นของสีที่นอกจากจะให้ความสวยงามแล้วยังมีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของโซลาร์เซลล์ ตอนนี้มีสีให้เลือก 8 สี
ชั้นที่สามเป็นชั้นโซลาร์เซลล์ชนิดผลึกเดี่ยวหรือ Monocrystalline ที่มีประสิทธิภาพสูง ผลิตไฟฟ้าได้ถึง 19 วัตต์ต่อตารางฟุต Forward Labs บอกว่าดีกว่าของคู่แข่งที่ผลิตไฟฟ้าได้เพียง 11 วัตต์ต่อตารางฟุต ชั้นถัดไปเป็นแผ่นเมทัลชีทชุบสังกะสี และชั้นล่างสุดเป็นชั้นของรางที่ใช้ในการติดตั้งซึ่งมองไม่เห็นจากด้านนอก
สำหรับเรื่องราคาที่ชูเป็นจุดขายนั้น Forward Labs บอกว่าแผ่นหลังคาโซลาร์ของพวกเขามีราคาอยู่ที่ 8.5 ดอลลาร์ต่อตารางฟุต หรือถ้าคิดเทียบกับการผลิตไฟฟ้าจะได้ราคาที่ 3.25 ดอลลาร์ต่อวัตต์ เปรียบเทียบกับของ Tesla ที่ PowerScout บริษัทด้านพลังงานแสงอาทิตย์ได้ทำการวิเคราะห์เอาไว้ว่ามีราคาราว 4.75 ดอลลาร์ต่อวัตต์ ราคาของ Forward Labs ถูกกว่าของ Tesla มากกว่า 30%
นอกจากนี้ Forward Labs ยังระบุว่าการติดตั้งแผ่นหลังคาโซลาร์ของพวกเขาทำได้ง่ายและเร็วกว่า ใช้เวลาติดตั้งเพียงครึ่งหนึ่งของรายอื่น บ้านแต่ละหลังใช้เวลาติดตั้งเพียง 2 – 3 วัน ขณะที่รายอื่นใช้เวลา 5 – 7 วัน
“เรามีจุดประสงค์ในการนำแผ่นหลังคาโซลาร์เข้าสู่ตลาด 3 ประการ โดยเราวางเป้าหมายที่จะพัฒนาระบบหลังคาโซลาร์ที่ดูดี ผลิตไฟฟ้าได้มากที่สุด และเร่งระยะเวลาคืนทุนได้เร็วที่สุด” Zach Taylor ซีอีโอของ Forward Labs กล่าว “ผมไม่ต้องการเปรียบเทียบกับ Tesla มากเกินไป แต่ผมพูดได้ว่าเรามีระบบหลังคาที่คุ้มค่ามากที่สุดในตลาดด้วยอัตราผลตอบแทนการลงทุนที่สูงที่สุด”
ดูวิดีโอแนะนำหลังคาโซลาร์ของ Forward Labs ได้ที่ด้านล่าง
ข้อมูลและภาพจาก forwardsolarroofing, greentechmedia