ระบบควบคุมอุณหภูมิภายในบ้านของ Dandelion ใช้หลักการที่ว่าใต้พื้นดินจะมีอุณหภูมิคงที่ประมาณ 10 °C ตลอดทั้งปีไม่ว่าจะเป็นฤดูร้อนหรือฤดูหนาว โดยการฝังท่อพลาสติกเป็นรูปตัวยูลงไปใต้ดินที่ระดับความลึกที่กำหนดไว้เพื่อใช้สำหรับหมุนเวียนน้ำในระบบ ท่อน้ำจะเชื่อมต่อกับปั๊มความร้อน (Heat Pump) และเครื่องทำน้ำร้อน (Water Heater) ภายในบ้าน
ในฤดูหนาวน้ำในท่อที่ฝังลึกใต้พื้นดินซึ่งดูดซับความร้อนใต้ดินจะถูกส่งขึ้นมาข้างบน นำมาผ่านระบบ จากนั้นอากาศร้อนจะถูกปล่อยเข้ามาในบ้าน ส่วนในฤดูร้อนจะตรงกันข้าม ความร้อนในบ้านจะถูกดูดซับส่งลงไปถ่ายเทความร้อนออกที่ใต้ดิน
สิ่งที่ยากที่สุดในการติดตั้งระบบนี้คือการฝังระบบท่อรูปตัวยูลงใต้ดินนั่นเอง Dandelion ได้พัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาสำหรับงานนี้โดยเฉพาะ เป็น “clean drilling technology” ที่นอกจากจะทำงานได้อย่างรวดเร็วแล้วยังมีต้นทุนไม่สูงอีกด้วย
งานติดตั้งระบบรวมทั้งการฝังท่อและติดตั้งอุปกรณ์ใช้เวลาเพียง 2 – 3 วันก็ใช้งานได้แล้ว หลังการนั้นการซ่อมบำรุงมีเพียงแค่การเปลี่ยนกรองอากาศทุกๆ 6 – 12 เดือนเท่านั้น
Dandelion เริ่มเปิดให้บริการระบบนี้เฉพาะที่รัฐนิวยอร์ก เหตุผลที่เลือกเปิดที่นิวยอร์กก่อนเพราะอากาศที่นั่นเปลี่ยนแปลงบ่อย ระบบนี้จึงเหมาะที่จะใช้ทั้งทำความร้อนหรือทำความเย็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องมีแยก 2 ระบบ อีกอย่างหนึ่งที่นิวยอร์กมีประชากรหนาแน่น มีบ้านราว 2 ล้านหลังที่ยังใช้ระบบทำความร้อนแบบใช้น้ำมัน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงและก่อมลพิษมาก
ระบบของ Dandelion มีราคา 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ Dandelion ให้เลือกจ่ายเป็นรายเดือนได้ที่ราว 160 ดอลลาร์ต่อเดือน เป็นเวลา 20 ปี
สำหรับบ้านที่ใช้ระบบทำความร้อนแบบน้ำมันในนิวยอร์กถ้าเปลี่ยนมาใช้ระบบพลังงานความร้อนใต้ดินของ Dandelion จะประหยัดเงินได้ 35,000 ดอลลาร์ในเวลา 20 ปีและลดการปล่อย CO2 ได้ 110 ตัน ส่วนบ้านที่ใช้โพรเพน (Propane) จะประหยัดเงินได้ถึง 63,000 ดอลลาร์และลดการปล่อย CO2 ได้ 130 ตัน เรียกได้ว่าเงินที่ประหยัดได้แทบจะพอจ่ายค่าระบบใหม่ได้เลย
ข้อมูลและภาพจาก cnbc, homecrux