“โครงการนี้มีความทะเยอทะยานสูงมาก แต่เราต้องการให้ผู้คนเข้ามาร่วมกับการปฏิวัติรถยนต์ไฟฟ้าให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนไปสู่อนาคตที่มีการปล่อยมลพิษต่ำ” Steven Miles กล่าว “วันนี้ผมได้ประกาศ 18 เมืองแรกที่เป็นเฟสที่หนึ่งของซุปเปอร์ไฮเวย์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งจะใช้งานได้ภายใน 6 เดือนข้างหน้า มันจะทำให้สามารถขับรถยนต์ไฟฟ้าจากด้านใต้สุดไปด้านเหนือสุดของรัฐได้ และพวกเขาสามารถใช้มันได้ฟรีในช่วงเริ่มต้น ดังนั้นเราจึงคิดว่าจะสามารถกระตุ้นให้คนมาใช้บริการให้ได้มากที่สุด”
โครงการนี้จัดเป็นถนนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ยาวที่สุดในออสเตรเลีย เทียบได้กับถนนสายเลียบชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกาที่เริ่มจากรัฐแคลิฟอร์เนียผ่านรัฐโอเรกอนจนถึงถึงรัฐวอชิงตัน แต่ถือว่ายังสั้นมากเมื่อเทียบกับถนนสาย Trans-Canada EV ที่ยาว 8,000 กม.ซึ่งยาวที่สุดในโลก
แต่สำหรับสถานีชาร์จไฟในสหรัฐที่มี Tesla เป็นผู้บุกเบิกสร้างรถยนต์ไฟฟ้าจนได้รับความนิยมเป็นกระแสไปทั่วโลกได้เริ่มต้นไปก่อนหลายปีและมีความก้าวหน้าไปมาก โดยปัจจุบันมีทั้งหมด 16,107 สถานีและ 43,828 หัวจ่าย
Miles บอกว่าจากการสำรวจพบว่ามีประชาชนชาวควีนส์แลนด์ราว 50% กำลังพิจารณาจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถไฮบริดแบบใดแบบหนึ่งภายในสองปีข้างหน้า และส่วนใหญ่บอกว่าการเพิ่มสถานีชาร์จไฟใหม่นี้มีส่วนช่วยสร้างแรงจูงใจได้อีกมาก
“รถยนต์ไฟฟ้าไม่เพียงช่วยลดค่าน้ำมันเชื้อเพลิงของชาวควีนส์แลนด์แต่ยังเป็นการยานพาหนะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชาร์จไฟจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน” Miles กล่าว “ซุปเปอร์ไฮเวย์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าสายนี้มีศักยภาพที่จะปฏิวัติการเดินทางของเรารอบรัฐควีนส์แลนด์ในอนาคต”
อนึ่งรัฐควีนส์แลนด์เป็นรัฐที่ปล่อยคาร์บอนจากการขนส่งมากที่สุดในออสเตรเลีย และเป็นแหล่งปล่อยคาร์บอนโดยรวมเป็นอันดับสองด้วยปริมาณ 21.1 ล้านตันในปี 2014 ซึ่งเพิ่มเป็นเท่าตัวนับจากปี 1990
ข้อมูลและภาพจาก theguardian, newatlas