“ภายใต้เงื่อนไขของข้อตกลง NewMotion จะดำเนินธุรกิจต่อไปตามปกติในฐานะเป็นบริษัทในเครือของเชลล์” ผู้บริหารระดับสูงของเชลล์พูดถึงข้อตกลงที่ไม่เปิดเผยตัวเลขราคาซื้อขาย
การซื้อกิจการครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกของเชลล์ที่ได้รุกเข้ามาในธุรกิจนี้ ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่กำลังถูกกดดันต่อการเผชิญกับปัญหาระยะยาวจากการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าและความพยายามที่จะให้ยกเลิกการใช้รถยนต์น้ำมันในหลายประเทศ
“การดำเนินการในครั้งนี้เป็นก้าวแรกที่ทำให้แน่ใจว่าลูกค้าของเราสามารถเข้าถึงทางเลือกในการเติมเชื้อเพลิงหลากหลายในทศวรรษที่กำลังจะมาถึงตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปร่วมกับเชื้อเพลิงแบบเดิม” Matthew Tipper รองประธานของเชลล์ที่ดูแลธุรกิจใหม่กล่าว “นี่เป็นแนวทางการขยับขยายของเราเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงการใช้พลังงาน”
ตอนนี้เชลล์เองก็กำลังติดตั้งจุดชาร์จไฟที่สถานีย่อยในอังกฤษ เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ และฟิลิปปินส์ ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าถูกคาดหมายว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในทศวรรษหน้า บริษัทมอร์แกน สแตนลีย์ประมาณการว่ายุโรปตะวันตกต้องการจุดชาร์จไฟราว 1 – 3 ล้านจุดภายในปี 2030 ขณะที่ตอนนี้มีอยู่น้อยกว่า 100,000 จุด
เชลล์คาดว่าราว 25% ของรถยนต์ทั่วโลกจะเป็นรถไฟฟ้าภายในปี 2040 พวกเขาตระหนักมากขึ้นถึงศักยภาพของยานยนต์ไฟฟ้าที่จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจของพวกเขาตกต่ำลง และกำลังปรับตัวเพื่อรักษาความเป็นผู้นำของบริษัทด้านพลังงานไว้ต่อไป
ข้อมูลและภาพจาก reuters, cnn