กฎหมายใหม่นี้ยังห้ามการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซจากชั้นหินดินดานทุกวิธี นอกเหนือจากวิธี Fracking (วิธีการผลิตโดยการใช้น้ำผสมสารเคมีและทรายอัดเข้าไปใต้ดินเพื่อทำให้เกิดรอยแตกและดันน้ำมันดิบ ออกมาจากชั้นหิน แต่มีก๊าซมีเทนจากชั้นหินลึกรั่วไหลออกมาปนเปื้อนดินและน้ำส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยรวม) ที่ได้สั่งห้ามไปเมื่อปี 2011
“ภูมิใจมากที่ฝรั่งเศสเป็นประเทศแรกในโลกที่ห้ามออกใบอนุญาตสำรวจน้ำมันใหม่โดยมีผลทันทีและยกเลิกการดูดน้ำมันทั้งหมดภายในปี 2040” ประธานาธิบดี Macron บอกในทวิตเตอร์ พร้อมด้วยแฮชแท็ก #MakeOurPlanetGreatAgain ที่เลียนแบบแคมเปญหาเสียงของประธานาธิบดี Donald Trump ของสหรัฐอเมริกาที่ใช้สโลแกน ‘Make America great again’
ประธานาธิบดี Trump ผู้มีท่าทีตรงข้ามกับผู้นำฝรั่งเศสได้ส่งสัญญาณแน่วแน่ในการโอบอุ้มเชื้อเพลิงฟอสซิลด้วยการถอนตัวออกจากข้อตกลงปารีส แถมรัฐบาลสหรัฐยังบอกว่าไม่มีคำอธิบายใดที่น่าเชื่อถือสำหรับการเกิดสภาวะโลกร้อน
แม้ว่าฝรั่งเศสผลิตน้ำมันเพียงแค่ปีละ 815,000 ตันต่อปี ซึ่งเป็นจำนวนการผลิตเพียงไม่กี่ชั่วโมงในซาอุดิอาระเบีย และ 99% ของน้ำมันและก๊าซที่ใช้ในประเทศเป็นการนำเข้า แต่การออกกฎหมายห้ามขุดเจาะน้ำมันของฝรั่งเศสถือว่าเป็นประวัติศาสตร์และเป็นสัญลักษณ์ยิ่งใหญ่อันเป็นก้าวสำคัญให้ประเทศอื่นทั่วโลกเดินตาม
เมื่อสองสัปดาห์ก่อนหน้านี้ธนาคารโลกก็ได้ออกประกาศว่าจะไม่มีการให้การสนับสนุนด้านการเงินสำหรับการขุดเจาะสำรวจน้ำมันและก๊าซหลังจากปี 2019 แม้ว่าจำนวนเงินในส่วนนี้จะไม่มากนักก็ตาม
ขณะเดียวกันตอนนี้ฝรั่งเศสกำลังเป็นที่ดึงดูดใจของนักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศชาวอเมริกันผู้ซึ่งรู้สึกถึงความด้อยค่าของวิทยาศาสตร์ภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดี Trump และมีนักวิจัยอเมริกันเกือบ 2,000 คนยื่นของทุนวิจัยต่อประเทศฝรั่งเศส
Nicolas Hulot รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมของฝรั่งเศสบอกว่ากฏหมายใหม่นี้สร้างความสอดคล้องกันระหว่างกฎหมายและพันธสัญญาด้านสภาพภูมิอากาศภายใต้ข้อตกลงปารีส หากจะรักษาเป้าหมายตามข้อตกลงต้องเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และเธอหวังว่ามาตรการแบบเดียวกันนี้จะแพร่หลายไปยังประเทศอื่นๆด้วย
ข้อมูลและภาพจาก theguardian, sciencealert