โครงการเครือข่ายดาวเทียมอินเตอร์เน็ตของ SpaceX มีชื่อเรียกแบบไม่เป็นทางการว่า Starlink โดยภายในไม่กี่ปีข้างหน้านี้บริษัทจะส่งดาวเทียมอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงที่เชื่อมต่อกันจำนวน 4,425 ดวงเข้าสู่วงโคจรที่ระดับ 1,100 – 1,300 กิโลเมตรเหนือผิวโลก และส่งดาวเทียมอีก 7,518 ดวงเข้าสู่วงโคจรระดับต่ำที่ราว 300 กิโลเมตรเหนือผิวโลก
ดาวเทียมจำนวนมหาศาลเกือบ 12,000 ดวงนี้มากกว่าดาวเทียมที่มีอยู่บนท้องฟ้าถึง 3 เท่า ปัจจุบันมีดาวเทียมที่ใช้งานอยู่ 1,419 ดวง และดาวเทียมที่เลิกใช้งานไปแล้วล่องลอยอยู่ในอวกาศอีกราว 2,600 ดวง ด้วยจำนวนดาวเทียมที่มากขนาดนั้นในอนาคตคงเป็นเรื่องยากลำบากไม่น้อยในการติดตามควบคุมพวกมันไม่ให้ชนกัน
SpaceX พูดถึงเรื่องนี้น้อยมากตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปี 2015 เรื่องหลุดออกมาเมื่อปีที่แล้วเพราะต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสาร (FCC) และเอกสารที่เผยแพร่จาก FCC ในเดือนนี้ได้เปิดเผยว่า FCC อนุมัติให้ SpaceX ส่งดาวเทียมทดลอง 2 ดวงใช้ชื่อว่า Microsat-2a และ Microsat-2b ขึ้นสู่วงโคจรที่ระดับ 500 กิโลเมตรเหนือผิวโลกเพื่อทดสอบระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตจากอวกาศ
เมื่อดาวเทียมเข้าสู่วงโคจรเรียบร้อยแล้ว SpaceX วางแผนที่จะใช้มันทดสอบการติดต่อสื่อสารจากหลายๆจุดบนโลก ทั้งจากสถานีที่อยู่กับที่และจากรถตู้เคลื่อนที่ สถานที่ที่จะใช้เป็นสถานีติดต่อสื่อสารถูกกำหนดเป็นสำนักงานของบริษัท SpaceX และ Tesla หลายแห่งที่กระจายอยู่ในหลายรัฐ กับรถตู้เคลื่อนที่อีก 3 คัน นอกจากนี้การทดสอบครั้งนี้ยังเป็นการทำงานร่วมกันกับอีกหลายเมืองในหลายประเทศ
เครือข่ายอินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียม Starlink นอกจากจะมีต้นทุนต่ำแล้วยังมีข้อดีตรงที่ไม่ต้องมีความยุ่งยากในการเดินสายสัญญาณ ไม่ว่าจะเป็นการพาดสายตามเสาหรือเอาลงในท่อใต้ดิน มันสามารถเข้าถึงได้จากทุกจุดทั่วโลก และที่สำคัญมีความเร็วถึง 1 Gbps หรือ 1024 Mbps ขณะที่ปัจจุบันความเร็วอินเตอร์เน็ตเฉลี่ยอยู่ที่ 5.6 Mbps (ในบ้านเราส่วนใหญ่ก็ใช้กันที่ความเร็ว 20 – 30 Mbps)
มีรายงานว่าบริษัท Google และ Fidelity ได้ร่วมลงทุนเพื่อสนับสนุนโครงการนี้จำนวน 1,000 ล้านดอลลาร์ เมื่อไหร่ที่โครงการสำเร็จพวกเขาก็จะเข้ามามีส่วนร่วมในการควบคุมด้วย นอกจากนี้บริษัท Alphabet ที่เป็นบริษัทแม่ของ Google ก็กำลังสร้างเครือข่ายอินเตอร์เน็ตจากบนท้องฟ้าโดยใช้ดาวเทียม บอลลูน และโดรนอยู่ด้วย
ไม่เพียงเท่านั้นยังมีรายใหญ่ที่ต้องการเข้ามามีเอี่ยวในงานนี้อีก บริษัท OneWeb กำลังพยายามขออนุมัติโครงการที่ท้าทายในลักษณะเดียวกันนี้อยู่ และรายงานระบุว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังของ OneWeb ก็คือ Jeff Bezos เจ้าของ Amazon และ Blue Origin ที่จะเป็นคู่แข่งสำคัญของ SpaceX ในอนาคตนั่นเอง
ข้อมูลและภาพจาก businessinsider, geekwire