แต่เหตุผลที่ทำให้จีนต้องยกเลิกโรงไฟฟ้าถ่านหินใหม่ครั้งนี้น่าจะมาจากการที่จีนมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินมากเกินกว่าแผนที่กำหนดไว้ จากแผนห้าปีด้านพลังงานของจีนได้วางเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าด้วยถ่านหินจากเดิมที่ 920 กิกะวัตต์ เป็น 1,100 กิกะวัตต์ ภายในปี 2020 ถ้าโรงไฟฟ้าใหม่ 103 แห่งนี้สร้างเสร็จจะทำให้จีนมีกำลังการผลิตเป็น 1,250 กิกะวัตต์ ซึ่งทำให้มีกำลังการผลิตส่วนเกินจำนวนมาก จีนจึงจำเป็นต้องแตะเบรกเอาไว้ก่อน
โรงไฟฟ้าถ่านหินนอกจากจะเป็นแหล่งใหญ่ที่สุดของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว มลพิษจากโรงไฟฟ้ายังมีส่วนช่วยให้เกิดควันพิษที่ปกคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของจีนอีกด้วย การตัดสินใจของรัฐบาลในครั้งนี้จึงได้รับการขานรับจากกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
“การหยุดโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างดูเหมือนจะเสียหายไม่น้อย แต่การลงทุนทั้งเงินและทรัพยากรเพื่อทำโรงไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นให้แล้วเสร็จจะสร้างความเสียหายมากกว่า” กลุ่มกรีนพีซกล่าว
ขณะที่จีนถูกตำหนิเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมหาศาล รวมถึงมีปัญหาเกี่ยวกับมลพิษมากมายโดยเฉพาะเรื่องหมอกควัน แต่จีนกลับเป็นประเทศที่ลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียน ทั้งพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์มากที่สุดในโลก
อย่างไรก็ตามการหยุดโครงการขนาดใหญ่จำนวนมากที่มีมูลค่ารวมถึง 62 พันล้านดอลลาร์สหรัฐนี้มิใช่เรื่องง่ายในทางปฏิบัติ มีผู้คนจำนวนมหาศาลจะต้องตกงานซึ่งพวกเขาก็ต้องต่อสู้ บางโครงการดำเนินมาเป็นสิบปี อยู่ๆก็มีคำสั่งให้หยุด ดังนั้นการโน้มน้าวให้รัฐบาลท้องถิ่นยินยอมปฏิบัติตามคงจะไม่ง่าย
ข้อมูลและภาพจาก nytimes, sciencealert