พิพิธภัณฑ์ออร์เซย์ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแซนในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ก่อตั้งขึ้นในปี 1986 เดิมเป็นสถานีรถไฟใหญ่ เป็นชุมทางของรถไฟสายตะวันตกเฉียงใต้ ต่อมาเมื่อรถไฟมีการเปลี่ยนไปใช้ขบวนที่ยาวขึ้น ทำให้สถานีรถไฟออร์เซย์มีชานชลาที่สั้นเกินไป จึงถูกลดความสำคัญและปรับเปลี่ยนไปใช้งานอย่างอื่น จนกระทั่งได้มีการปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อผสานความแตกต่างระหว่างสองพิพิธภัณฑ์หลักในขณะนั้น คือพิพิธภัณฑ์ลูฟร์กับพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ Centre Georges Pompidou และได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในปี 1986 เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีภาพเขียนแบบอิมเพรสชันนิสม์และแบบโพสต์-อิมเพรสชันนิสม์มากที่สุดในโลก
ผลงานของศิลปินแนวอิมเพรสชันนิสม์ระดับโลกจัดแสดงอยู่ที่นี่มากมาย เช่น Le moulin de la Galette ของปีแยร์-โอกุสต์ เรอนัวร์, Olympia และ The Luncheon on the Grass ของเอดัวร์ มาแน, Women in the Garden ของโกลด มอแน, The Ballet Class ของแอดการ์ เดอกา, Rest along the Stream ของอัลเฟรด ซิสลีย์, Girl in the Garden ของแมรี เคแซต
ภาพเขียนแนวโพสต์-อิมเพรสชันนิสม์ยอดนิยมของที่นี่ ได้แก่ Starry Night Over the Rhone และ Self-portrait (1889) ของแวนโก๊ะ, The Card Players ของปอล เซซาน, Tahitian Women on the Beach ของปอล โกแก็ง, The Circus ของฌอร์ฌ-ปีแยร์ เซอรา
ส่วนภาพเขียนแนวอื่นที่โดดเด่นก็มีสะสมอยู่ไม่น้อย เช่น Whistler’s Mother ของเจมส์ แม็คนีลล์ วิสต์เลอร์, The Artist’s Studio และ Nude Woman with a Dog ของกุสตาฟว์ กูร์แบ, The Source ของฌ็อง-โอกุสต์-ดอมีนิก แอ็งกร์ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบภาพเขียนที่นี่ก็เหมือนเป็นสวรรค์บนโลกนั่นเอง
7. National Gallery : London, England
หอศิลป์แห่งชาติ (ลอนดอน) ตั้งอยู่ที่จัตุรัสทราฟัลการ์ กลางกรุงลอนดอน ก่อตั้งเมื่อปี 1824 จัดแสดงภาพเขียนชั้นยอดจากกลางศตวรรษที่13 จนถึงปี 1900 จำนวนกว่า 2,300 รูป เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่มีผู้เข้าชมเป็นอันดับต้นๆของโลก แม้จะมีชิ้นงานไม่มากนักแต่ทั้งหมดล้วนเป็นผลงานชิ้นเยี่ยมของเหล่าศิลปินชั้นยอดทั้งสิ้น แม้จะเป็นหอศิลป์แห่งชาติแต่รัฐบาลอังกฤษเพียงแค่ซื้อภาพเขียนตอนเริ่มต้น 38 ภาพแรกเท่านั้น จากนั้นทางหอศิลป์จัดการเองโดยใช้เงินบริจาคเป็นส่วนใหญ่ และหอศิลป์แห่งนี้เปิดให้เข้าชมฟรีตลอดทั้งปี
ดาวเด่นของที่นี่คือภาพ The Arnolfini Portrait ของ ยัน ฟัน ไอก์ เป็นภาพเขียนที่สวยงามมีมิติน่าประทับใจ โดยเฉพาะการใช้แสงและการสร้างช่องว่างภายในของภาพ ถือกันว่าเป็นต้นแบบและมีความซับซ้อนมากที่สุดภาพหนึ่งของจิตรกรรมตะวันตก อีกภาพหนึ่งคือ Sunflowers ภาพเขียนเลื่องชื่ออีกชิ้นหนึ่งที่แวนโก๊ะเขียนเมื่อปี 1888 เป็นภาพที่ถูกนำไปไว้ในการ์ด โปสเตอร์ เหยือก ผ้าเช็ดจาน และเครื่องเขียนมากที่สุดและขายดีที่สุด รวมทั้งเป็นหนึ่งในภาพที่แวนโก๊ะภาคภูมิใจที่สุดด้วย
ภาพ The Virgin of the Rocks หรือ Madonna of the Rocks ของเลโอนาร์โด ดา วินชี กับ The Madonna of the Pinks ของราฟาเอล ภาพแนวเดียวกันจากยุคเดียวกัน เป็นอีกสองภาพที่ได้รับความนิยมอย่างสูง รวมทั้งภาพ Mars and Venus ของซันโดร บอตตีเชลลี และ The Ambassadors ของฮันส์ ฮอลไบน์ (ผู้ลูก) ก็ได้รับความนิยมสูงเช่นกัน
ยังมีภาพเขียนของศิลปินดังอีกจำนวนมากจัดแสดงอยู่ที่นี่ A Young Woman standing at a Virginal ของโยฮัน เฟอร์เมร์, The Toilet of Venus (‘The Rokeby Venus’) ของเดียโก เบลัซเกซ, Boy Bitten by a Lizard ของการาวัจโจ, An Experiment on a Bird in the Air Pump ของโจเซฟ ไรท์, Seaport with the Embarkation of Saint Ursula ของโกลด ลอแรง, The Doge Leonardo Loredan ของจิโอวานนี เบลลินี, The Water-Lily Pond ของโกลด มอแน, The Umbrellas ของปีแยร์-โอกุสต์ เรอนัวร์, The Fighting Temeraire ของวิลเลียม เทอร์เนอร์
ภาพเหล่านี้เป็นตัวอย่างเพียงน้อยนิดจากภาพเขียนชั้นยอดทั้งหมดที่จะสร้างความประทับใจอย่างเต็มอิ่มไม่รู้ลืมแก่ผู้ชมที่มาเยือน
8. Museum of Modern Art : New York, USA
พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ หรือ MoMA ตั้งอยู่ที่ย่านมิดทาวน์ แมนฮัตตัน ในกรุงนิวยอร์ก ก่อตั้งเมื่อปี 1929 โดยเอกชน (ตระกูลร๊อคกี้เฟลเลอร์) และบริหารโดยเอกชน เก็บรวบรวมสะสมผลงานศิลปะสมัยใหม่และศิลปะร่วมสมัยในหลากหลายสาขา ทั้งภาพเขียน ประติมากรรม ภาพถ่าย สิ่งพิมพ์ ไปจนถึงสื่ออิเล็คทรอนิกส์ไว้จำนวนมาก MoMA มักจะได้รับการกล่าวขานว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีอิทธิพลมากที่สุดของศิลปะสมัยใหม่ เป็นจุดหมายสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งที่ผู้มาเยือนนิวยอร์กจะต้องมาเยี่ยมชม
ไฮไลท์สำคัญที่สุดของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นผลงานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของแวนโก๊ะคือภาพ The Starry Night ที่ไม่ต้องบรรยายสรรพคุณเพราะเป็นภาพที่รู้จักกันดีทั่วโลก อีกภาพหนึ่งเป็นผลงานที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นและได้รับการจดจำมากที่สุดชิ้นหนึ่งในประวัติศาสตร์จากฝีมือของซัลบาโด ดาลี คือภาพ The Persistence Of Memory
MoMA ได้รวบรวมผลงานของศิลปินเอกแห่งศิลปะสมัยใหม่ ปาโบล ปีกัสโซ ไว้จำนวนมาก ที่โดดเด่นเป็นพิเศษได้แก่ ภาพ Les Demoiselles d’Avignon และ Three Musicians
ภาพ Water Lilies (Reflections of Clouds on the Water-Lily Pond) ของโกลด มอแน ขนาดใหญ่มาก 2.00 x 12.76 เมตร ก็เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ได้รับความสนใจอย่างมาก
ยังมีภาพเขียนมาสเตอร์พีซของศิลปินชื่อดังอีกมากจัดแสดงอยู่ที่นี่ เช่น Christina’s World ของแอนดรูว์ ไวเอท, The Sleeping Gypsy ของอองรี รูโซ, The Bather ของปอล เซซาน, The Seed of the Areoi ของปอล โกแก็ง, Drowning Girl ของรอย ลิกเทนสไตน์, The Dance ของอองรี มาติส, Number 31 ของแจ็กสัน พอลล็อก,Campbell’s Soup Cans ของแอนดี วอร์ฮอล
ด้านนอกอาคารมีสวนประติมากรรม เป็นที่นั่งพักพร้อมกับชมงานประติมากรรมสมัยใหม่จากศิลปินเลื่องชื่อมากมาย รวมทั้งผลงานประติมากรรมของปีกัสโซที่ปกติไม่ค่อยจะมีโอกาสได้เห็นชื่อ She-Goat ด้วย ตรงนี้เป็นมุมยอดนิยมอีกมุมหนึ่งของ MoMA
9. Uffizi Gallery : Florence, Italy
หอศิลป์อุฟฟีซี ตั้งอยู่ติดกับจัตุรัสเดลลาซินญอเรีย (Piazza della signoria) กลางเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่เก่าแก่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตัวอาคารสร้างเสร็จตั้งแต่ปี 1581 เดิมใช้เป็นสำนักงานของผู้พิพากษา (เป็นที่มาของชื่อ Uffizi ที่หมายถึง Office) ต่อมากลายเป็นหอศิลป์โดยเริ่มจากการสะสมงานศิลปะของตระกูลเมดิชิ เปิดให้สาธารณชนเข้าชมในปี 1765 หอศิลป์อุฟฟีซีรวบรวมผลงานประเมินค่าไม่ได้ครอบคลุมตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ถึงศตวรรษที่ 18 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคเรอเนสซองส์
หอศิลป์อุฟฟีเป็นผู้ครอบครองผลงานของซันโดร บอตตีเชลลี จิตกรคนสำคัญของอิตาลีไว้จำนวนมาก โดยเฉพาะผลงานชิ้นเอกที่มีชื่อเสียงมากที่สุดทั้งสองชิ้นที่เป็นไฮไลท์สำคัญของที่นี่คือภาพ The Birth of Venus และ Primavera
อีกไฮไลท์หนึ่งเป็นผลงานของการาวัจโจจิตกรคนสำคัญของอิตาลีอีกคน ที่โดดเด่นเป็นพิเศษ ได้แก่ภาพ Bacchus และ Medusa
เลโอนาร์โด ดา วินชี ศิลปินเลื่องชื่อของโลกชาวอิตาลีก็มีผลงานที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่ด้วย ผลงานยอดนิยมเป็นภาพ Annunciation กับ Adoration of the Magi
มีงานมาสเตอร์พีซของศิลปินดังรวบรวมอยู่ที่นี่อีกมาก เช่น Madonna of the Goldfinch ของราฟาเอล, Doni Tondo ของไมเคิลแองเจโล, Madonna and Child with Angel ของฟีลิปโป ลิปปี, Self-portrait as a young man ของแรมบรันต์, Portrait of Eleanor of Toledo ของบรอนซิโน, Judith and Holofernes ของอาร์เทมิเซีย เจ็นทิเลสชิ, Venus of Urbino ของทิเชียน, Portraits of the Duke and Duchess of Urbino ของปีเอโร เดลลา ฟรันเชสกา
งานประติมากรรมก็รวบรวมไว้ไม่น้อย ที่โดดเด่นได้แก่ งานแกะสลักหินอ่อน Medici Venus ในห้องแปดเหลี่ยมที่เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่ด้วย กับ ผลงาน Laocoön and his Sons ของ Baccio Bandinell
ถ้าใครมีโอกาสไปเที่ยวหอศิลป์อุฟฟีซีจะต้องจองตั๋วล่วงหน้ามิฉะนั้นจะต้องรอคิวนานมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนแถวเดือนกรกฏาคมอาจต้องรอคิวนานถึง 5 ชั่วโมง
10. Museo del Prado : Madrid, Spain
พิพิธภัณฑ์ปราโดตั้งอยู่ที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน สะสมผลงานศิลปะชั้นยอดของยุโรปจากศตวรรษที่ 12 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 โดยมีพื้นฐานมาจากงานสะสมของราชวงศ์สเปน ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์สร้างเมื่อปี 1785 ตามคำสั่งของกษัตริย์ชาลส์ที่ 3 เพื่อใช้เก็บของสะสมด้านประวัติศาสตร์ธรรมชาติ ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ภาพเขียนและประติมากรรมของราชวงศ์ เปิดให้สาธารณชนเข้าชมได้ตั้งแต่ปี 1819 ได้มีการสะสมผลงานศิลปะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยมา จนในที่สุดกลายเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติที่มีชื่อเสียงระดับโลก
งานศิลปะยอดนิยมที่โดดเด่นและมีเสน่ห์ดึงดูดผู้ชมของที่นี่แบบเดียวกับภาพโมนาลิซาที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์คือภาพเขียน Las Meninas ของดีเอโก เบลัซเกซ ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ของสเปนในศตวรรษที่ 17 แม้ว่าชื่อของภาพจะแปลว่านางสนองพระโอษฐ์ แต่จุดเด่นกลางภาพคือเจ้าหญิงองค์น้อย และด้วยการจัดวางองค์ประกอบภาพอันน่าพิศวงและแฝงนัยให้ครุ่นคิด ภาพนี้จึงถูกวิเคราะห์วิจารณ์และถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง
อีกไฮไลท์หนึ่งเป็นผลงานที่โด่งดังของฟรานซิสโก โกยา ภาพเขียนสองภาพของหญิงสาวในอิริยาบถเดียวกันแต่ภาพหนึ่งมีเสื้อผ้าอีกภาพหนึ่งไม่มี The Clothed Maja และ The Nude Maja นั่นเอง
มีภาพเกี่ยวกับพระเจ้าและพระเยซูที่โดดเด่นเป็นพิเศษได้แก่ภาพ The Garden of Earthly Delight ของเฮียโรนิมัส บอส และ The Descent from the Cross ของโรเคียร์ ฟัน เดอร์ไวเดิน
พิพิธภัณฑ์ปราโดยังเป็นที่ชุมนุมผลงานเด่นของศิลปินดังอีกมากมาย เช่น Venus and Organist and Little Dog ของทิเชียน, The Three Graces ของรูเบนส์, Portrait of a Cardinal ของราฟาเอล, Judith at the Banquet of Holofernes ของแร็มบรันต์, Self-portrait (1498) ของอัลเบรชท์ ดือเรอร์, David Victorious over Goliath ของการาวัจโจ, Nobleman with his Hand on his Chest ของเอลเกรโก, Lamb of God ของฟรันซิสโก เด ซูร์บาราน, Still Life with Game Fowl, Vegetables and Fruits ของ ฮวน ซานเชซ โคทาน หากได้มาชมภาพเขียนที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้รับรองได้ว่าจะประทับใจไม่รุู้ลืม
ข้อมูลและภาพจาก wikipedia, the official websites of the museums