นอร์เวย์ให้ความสำคัญและผลักดันเรื่องนี้อย่างเต็มที่มากกว่าประเทศอื่นในโลก พวกเขาสร้างแรงจูงใจด้วยการงดเว้นการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 25% แก่ผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่ทุกคน
เมื่อเดือนธันวาคม 2016 นอร์เวย์มีรถยนต์ไฟฟ้าบนท้องถนนผ่านหลัก 100,000 คัน พวกเขาคาดว่าจะเพิ่มเป็น 400,000 คันภายในปี 2020 ตัวเลขนี้ถือว่าสูงมากสำหรับประเทศที่มีประชากรแค่ 5.2 ล้านคนอย่างนอร์เวย์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของนอร์เวย์กล่าวว่ามันเป็นไปได้ที่การขายรถยนต์ใหม่ที่ใช้น้ำมันจะสิ้นสุดลงในปี 2025 รถยนต์ไฟฟ้าขยายตัวอย่างมากจากหลายปัจจัย เช่น ราคารถยนต์ไฟฟ้าลดลงอย่างฮวบฮาบจากการผลิตทั้งแบตเตอรี่และรถยนต์ไฟฟ้าจำนวนมหาศาลในประเทศจีน
ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้ากำลังพุ่งทะยานดุจจรวดไปทั่วโลก มีการคาดการณ์ว่าในปี 2025 จะมีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกถึง 37 ล้านคัน และรถยนต์ไฟฟ้าเหล่านั้นจะมีต้นทุนที่สามารถแข่งขันได้โดยไม่ต้องให้แรงจูงใจหรือให้เงินอุดหนุนใดๆ
ท่าทีของนอร์เวย์เป็นตัวบ่งชี้ต่อทิศทางและอนาคตของรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับประเทศอื่นๆรวมถึงประเทศไทยได้เป็นอย่างดี แต่น่าสนใจที่ดูเหมือนจะมีสหรัฐอเมริกาเพียงประเทศเดียวที่ยังไม่ให้คำมั่นสัญญาในการแก้วิกฤติด้วยการเลิกใช้ถ่านหิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยังไม่ได้แสดงท่าทีสนับสนุนต่อการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนเลย
ข้อมูลและภาพจาก thinkprogress, natureworldnews