Hulot ยังบอกว่ารัฐบาลฝรั่งเศสต้องการรักษาความเป็นผู้นำในนโยบายด้านสภาพอากาศ “เราต้องการแสดงให้เห็นว่าการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสามารถนำไปสู่ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของชาวฝรั่งเศส” เขากล่าว
ประเทศฝรั่งเศสโดยเฉพาะกรุงปารีสที่มีคุณภาพอากาศเลวร้ายมากได้ยืนหยัดต่อต้านรถยนต์มานานหลายปี มีการรณรงค์วันปลอดรถ (Car Free Day) และการห้ามใช้รถเก่า (ก่อนปี 1997)
ฝรั่งเศสไม่ได้เป็นประเทศเดียวที่ห้ามขายรถที่ใช้น้ำมัน เนเธอแลนด์และนอร์เวย์ได้ประกาศไปก่อนหน้านี้แล้วว่าจะห้ามขายรถที่ใช้น้ำมันเบนซินและดีเซลภายในปี 2025 ขณะที่เยอรมันและอินเดียก็ได้ประกาศแผนการเดียวกันแต่มีเป้าหมายที่ปี 2030
David Bailey อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ที่มหาวิทยาลัยแอสตันกล่าวว่า “ระยะเวลามันยาวนานเกินกว่าที่จะเอาจริงเอาจังกัน ถ้าออกเป็นกฏหมายมันจะเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนไปยังผู้ผลิตและผู้บริโภคถึงทิศทางของระบบการเดินทาง และอาจจะช่วยเร่งการเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าได้เร็วขึ้น”
ขณะที่ Tony Seba นักเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ดเจ้าของผลงานวิจัยที่ชี้ว่ารถที่ใช้น้ำมันจะถึงจุดจบภายใน 8 ปี ได้กล่าวถึงแผนการของฝรั่งเศสว่า “การห้ามขายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินและดีเซลภายในปี 2040 ก็เหมือนกับการห้ามขายม้าสำหรับการขนส่งทางบก เมื่อถึงปี 2040 มันไม่มีอะไรพวกนั้นให้ห้ามขายอีกแล้ว”
ประเทศฝรั่งเศสใช้พลังงานฟอสซิลในการผลิตไฟฟ้าเพียงแค่ 8% เป็นถ่านหิน 4% แก๊สธรรมชาติและน้ำมันอีก 4% แหล่งพลังงานหลักในการผลิตไฟฟ้าของฝรั่งเศสคือนิวเคลียร์ที่มีสัดส่วนถึง 72% รองลงมาเป็นพลังงานหมุนเวียนที่ 18% หากเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าแทนรถที่ใช้น้ำมันจะสามารถลดการปล่อยมลพิษที่เหลืออยู่ลงได้อย่างมหาศาล
ข้อมูลและภาพจาก theguardian, jalopnik