รถ Model 3 เป็นรถรุ่นเล็ก ราคาย่อมเยาว์ แต่สมรรถนะไม่ธรรมดา มีอัตราเร่ง 0 ถึง 60 ไมล์/ชม.(96.5 กม./ชม.) ภายใน 5.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 209 กม./ชม. ชาร์จไฟแต่ละครั้งวิ่งได้ 354 กม. แต่หากเลือกแบตเตอรี่รุ่นใหญ่จะมีอัตราเร่ง 0 ถึง 60 ไมล์/ชม.ภายใน 5.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 225 กม./ชม. และวิ่งได้ถึง 499 กม.ต่อการชาร์จไฟครั้งหนึ่ง
รถ Model 3 ยังมาพร้อมกับระบบขับขี่อัตโนมัติ (Autonomous Driving System) เทคโนโลยีที่จะปฏิวัติวงการการขนส่งในอนาคตอันใกล้ ระบบนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้รถยนต์ไฟฟ้าใช้งานได้ง่าย มันยังทำให้รถยนต์ไร้คนขับเข้าถึงสาธารณชนได้ดีขึ้น มีงานวิจัยระบุว่ายานพาหนะขับขี่เองอัตโนมัติสามารถลดการตายจากปัญหาความผิดพลาดของมนุษย์ (Human Error) ลงได้อย่างมาก
เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา Elon Musk ซีอีโอของ Tesla ได้จัดงานพิเศษเพื่อส่งมอบกุญแจให้กับลูกค้า 30 คนแรก เจ้าของรถ Model 3 คนแรกสุดก็คือตัว Elon Musk เอง อีก 29 คนเป็นพนักงานของ Tesla ซึ่งจองรถรุ่นนี้กันถึง 10,000 คัน
ส่วนผู้จองรายอื่นๆคงต้องรออีกเล็กน้อย อัตราการผลิตรถ Model 3 จะเป็น 100 คันในเดือนสิงหาคม จากนั้นจะขยับขึ้นเป็น 1,500 คันในเดือนกันยายน และ Tesla วางแผนผลิตรถรุ่นนี้ด้วยอัตรา 20,000 คันต่อเดือนภายในเดือนธันวาคม 2017
เนื่องจากยอดจองรถรุ่นนี้มีจำนวนมากเป็นประวัติการณ์ดังนั้นกว่าจะส่งมอบรถให้ลูกค้าที่จองไว้จนครบ 500,000 คันคงต้องใช้เวลาอีกนาน สำหรับผู้สนใจอยากเป็นเจ้าของต้องทำใจรอแบบยาวๆ เพราะหากจองวันนี้ต้องรออีกราวปีครึ่งกว่าจะได้รับรถ
บางทีอาจเป็นรถรุ่น Model 3 นี่แหละที่เป็นสัญญาณของการสิ้นสุดยุครถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน มันถูกคาดหวังว่าจะเป็นตัวฉุดการเพิ่มการใช้รถยนต์ไฟฟ้าไปพร้อมๆกับการที่หลายประเทศได้ประกาศนโยบายยกเลิกการขายรถใหม่ที่ใช้น้ำมันเบนซินและดีเซลเพื่อทางเลือกอื่นที่ดีกว่า ลองคิดดูว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันแต่ละคันปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึงปีละ 4.7 ตัน ถ้าทดแทนรถพวกนั้นด้วยรถยนต์ไฟฟ้า 500,000 คัน อากาศจะสะอาดขึ้นขนาดไหน
ข้อมูลและภาพจาก futurism, theverge