หนุ่มน้อยช่างทองผู้ผันตัวเป็นศิลปิน
บอตติเชลลี เป็นชาวอิตาลี เกิดเมื่อปี 1445 ที่เมืองฟลอเรนซ์ เป็นลูกคนสุดท้องของช่างฟอกหนัง หลังจากเรียนจบโรงเรียนขั้นพื้นฐานตอนอายุราว 14 ปี เขาถูกส่งไปฝึกเป็นช่างทอง แต่เนื่องจากบอตติเชลลีชอบการเขียนภาพมากกว่า อีก 2 – 3 ปีต่อมาพ่อของเขาจึงให้ไปเป็นลูกศิษย์ของ Filippo Lippi จิตรกรชื่อดังแห่งเมืองฟลอเรนซ์ในยุคนั้น บอตติเชลลีได้เรียนรู้เทคนิคการเขียนภาพบนแผ่นไม้ (ตอนนั้นการเขียนภาพบนผ้าใบยังไม่แพร่หลาย), การเขียนภาพปูนเปียก (fresco) และการเขียนทัศนียภาพเชิงเส้น รวมทั้งการจัดองค์ประกอบและเครื่องแต่งกายที่งดงามแบบเพ้อฝัน สิ่งเหล่านี้ยังปรากฏให้เห็นในผลงานของเขาแม้ว่าภายหลังบอตติเชลลีจะพัฒนาสไตล์เป็นของตัวเองแล้ว
ราวปี 1467 Lippi ออกจากฟลอเรนซ์ไปทำงานที่เมืองอื่น บอตติเชลลีก็ฝึกปรือฝีมือด้วยตัวเองต่อไป รวมทั้งไปเรียนรู้เพิ่มเติมกับ Antonio Pollaiuolo และ Andrea del Verrocchio (ครูของ Leonardo da Vinci) ซึ่งช่วยให้เขาเขียนภาพได้อย่างมีพลังและสวยงามกลมกลึงแบบงานประติมากรรม จนถึงปี 1470 เขาจึงเปิดสตูดิโอเขียนภาพของตัวเองรับงานใหญ่น้อยในฟลอเรนซ์ บอตติเชลลีใช้เวลาราว 10 ปีต่อมาในการพัฒนาฝีมือ สร้างผลงาน สั่งสมชื่อเสียงและบารมี จนกลายเป็นศิลปินมีชื่อแห่งเมืองฟลอเรนซ์ ผลงานที่โดดเด่นในช่วงนี้ได้แก่ภาพ Adoration of the Magi ที่มีภาพเหมือนตัวเขาเองในภาพนี้ด้วย และภาพ Fortitude
ฝากผลงานและสร้างชื่อในกรุงโรม
ปี 1481 พระสันตปาปา Sixtus IV เรียกตัวบอตติเชลลีและศิลปินคนสำคัญจากฟลอเรนซ์และแถบภาคกลางของอิตาลีมาเขียนภาพปูนเปียกบนผนังโบสถ์น้อยซีสตินในกรุงโรมที่เพิ่งจะสร้างเสร็จ งานนี้เป็นงานใหญ่มาก ถือเป็นงานตกแต่งสำคัญและมีส่วนอย่างมากต่อชื่อเสียงของโบสถ์น้อยแห่งนี้ ถึงแม้บอตติเชลลีจะไม่ค่อยถนัดกับการเขียนภาพปูนเปียก แต่เขาก็ได้ฝากฝีมือให้เห็นประจักษ์ด้วยภาพขนาดใหญ่ 3 ภาพ ได้แก่ภาพ Temptations of Christ, Youth of Moses และ Punishment of the Sons of Corah โดยเฉพาะภาพ Trials of Moses ได้รับคำชื่นชมอย่างมาก บอตติเชลลียังได้เขียนภาพปูนเปียกของพระสันตปาปา Sixtus II ไว้อีกภาพหนึ่งด้วย น่าเสียดายที่ในอีกหลายสิบปีต่อมาความงดงามและชื่อเสียงของผลงานบนผนังเหล่านี้ถูกบดบังด้วยผลงานสุดมหัศจรรย์บนเพดานของโบสถ์น้อยจากฝีมือของ Michelangelo
รังสรรค์ผลงานตามกระแสนิยม
ปี 1482 บอตติเชลลีกลับมาที่ฟลอเรนซ์พร้อมกับชื่อเสียงที่เพิ่มพูน มีงานหลั่งไหลเข้ามาพร้อมกับค่าจ้างที่แพงกว่าเก่า ในช่วงเวลาเดียวกับที่เขากลับมาเป็นดาวจรัสแสงในเมืองฟลอเรนซ์ บรรดาศิลปินดาวรุ่งหน้าใหม่ได้ทยอยออกจากฟลอเรนซ์ไปสร้างชื่อที่อื่นกันหลายคน รวมทั้งศิลปินที่เคยเรียนกับครูคนเดียวกับเขาที่ชื่อ Leonardo da Vinci ซึ่งออกไปสร้างชื่อและผลงานยิ่งใหญ่ที่เมืองมิลาน บอตติเชลลีได้รับงานชิ้นสำคัญในแนวเกี่ยวกับศาสนาให้กับโบสถ์ต่างๆหลายรายการ มีทั้งงานเขียนภาพบนแผ่นไม้และภาพปูนเปียก ผลงานเด่นในช่วงนี้ได้แก่ภาพ The Bardi Altarpiece และภาพ San Barnaba Altarpiece
ผลงานชิ้นเอกสุดประณีตอ่อนหวาน
หลังจากกลับจากกรุงโรมบอตติเชลลีได้รับการว่าจ้างให้เขียนภาพประดับห้องหอของคู่บ่าวสาวในตระกูลเศรษฐีอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะตระกูล Medici ซึ่งเป็นตระกูลของผู้ปกครองเมืองฟลอเรนซ์ เรื่องราวในภาพเขียนประเภทนี้มักจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรัก ความโรแมนติก หรือวีรสตรีผู้งดงามทั้งรูปลักษณ์และจิตใจ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เอามาจากตำนานที่ชื่นชอบและรู้จักกันเป็นอย่างดี และนี่ก็เป็นที่มาของผลงานชุดสำคัญที่สุดของบอตติเชลลี เขาเขียนภาพจากตำนานเก่าแก่ออกมาได้งดงามเกินคำบรรยาย ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันมากที่สุดมีอยู่ 4 ภาพ สองภาพแรกคือภาพ The Birth of Venus และ Primavera เป็นผลงานชิ้นเอกสุดประณีตอ่อนหวานมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในบรรดาภาพเขียนทั้งหมดของบอตติเชลลี ได้รับการยกย่องให้เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของจิตวิญญาณแห่งยุคเรอเนสซองส์ และปัจจุบันยังจัดแสดงอยู่ในห้องเดียวกันที่หอศิลป์อุฟฟีซี อีกสองภาพได้แก่ภาพ Venus and Mars และ Pallas and the Centaur
พระแม่มารีผู้งามสง่าและอ่อนโยน
สิ่งหนึ่งที่บอตติเชลลีทำมาโดยตลอดตั้งแต่เริ่มการเขียนภาพใหม่ๆคือการเขียนภาพพระแม่มารีและพระบุตรในหลากหลายเหตุการณ์และอิริยาบถ ที่จริงภาพพระแม่มารีถือเป็นหนึ่งในแนวการเขียนภาพที่นิยมมากที่สุดในศตวรรษที่ 15 บอตติเชลลียังเป็นศิลปินคนแรกๆที่ใช้รูปแบบวงกลม (tondo) ซึ่งนิยมใช้ในการเขียนภาพพระแม่มารีรวมถึงภาพอื่นๆในเวลาต่อมา พระแม่มารีในภาพของบอตติเชลลีสวยงามสง่าทั้งรูปร่างผิวพรรณและเครื่องแต่งกายที่หรูหราตามยุคสมัย พร้อมกับมีใบหน้าที่งดงามอ่อนโยนเป็นที่ประทับใจของผู้ชม ในภาพนอกจากพระบุตรแล้วก็มักจะมีนางฟ้าแสนสวยเข้ามาประกอบอยู่ด้วยเสมอ ภาพพระแม่มารีของบอตติเชลลีที่โดดเด่นมากคือภาพ Madonna of the Magnificat และภาพ Madonna of the Book
ภาพเหมือนบุคคลที่โดดเด่นเนียนตา
บอตติเชลลีวาดภาพเหมือนบุคคลไว้จำนวนมากแต่เหลือรอดมาถึงปัจจุบันไม่มากนัก เขาเป็นศิลปินที่เขียนภาพเหมือนได้ดีที่สุดคนหนึ่งในยุคนั้น อาจด้วยเหตุนี้ตระกูล Medici จึงเป็นผู้อุปถัมภ์สำคัญของเขา บอตติเชลลีเขียนภาพเหมือนคนในตระกูลนี้หลายต่อหลายคน เขายังชอบเขียนภาพเหมือนบุคคลใส่ไว้ในผลงานชิ้นอื่นอีกด้วย อย่างเช่นภาพของบุคคลในตระกูล Medici ไปปรากฏอยู่ในผลงานในแนวศาสนาคือภาพ Adoration of the Magi และยังมีภาพบุคคลอื่นในผลงานชิ้นอื่นๆอีก บอตติเชลลีมีภาพเหมือนบุคคลที่โดดเด่นอยู่หลายภาพ ได้แก่ภาพ Portrait of a Man with a Medal of Cosimo the Elder และภาพ Portrait of a Young Woman
ย้อนยุคกลับไปสมัยโบราณเก่าก่อน
ช่วงปลายชีวิตแทนที่บอตติเชลลีจะปรับเปลี่ยนสไตล์ไปสู่ความทันสมัยเหมือนศิลปินคนอื่น เขากลับหันไปสนใจเขียนภาพย้อนยุคกลับไปสู่สมัยกอธิคที่เฟื่องฟูก่อนหน้ายุคของเขาเป็นร้อยปี เทคนิคและการเลือกใช้สีจะแตกต่างจากงานร่วมสมัยค่อนข้างมาก แต่ภาพเขียนของเขาก็ยังคงงดงามและมีเอกลักษณ์ ผลงานที่โดดเด่นในช่วงนี้ได้แก่ภาพ Calumny of Apelles และภาพ The Mystical Nativity
หลังจากปี 1500 บอตติเชลลีแทบจะไม่ได้เขียนภาพอีกเลย เขาใช้เวลาส่วนใหญ่กับการออกแบบและวาดรูปเพื่อทำหนังสือ Divine Comedy Illustrated by Botticelli จากวรรณกรรมชิ้นสำคัญเรื่อง Divine Comedy ของ Dante Alighieri ซึ่งประกอบด้วยภาพจากการวาดของเขา 92 ภาพ เช่น ภาพ The Abyss of Hell และ Inferno XVIII หนังสือนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นผลงานชั้นยอดอีกชิ้นหนึ่งของบอตติเชลลี ปี 1504 เขาเป็นหนึ่งในคณะกรรรมการพิจารณาสถานที่ตั้งรูปปั้น David ประติมากรรมชิ้นเอกของ Michelangelo ร่วมกับ Leonardo da Vinci บอตติเชลลีเสียชีวิตในปี 1510 ในวัย 65 ปี
เขาคือศิลปินรักร่วมเพศจริงหรือ?
บอตติเชลลีไม่เคยแต่งงาน เขาทุ่มเทเวลาทั้งหมดกับการทำงานศิลปะตลอดทั้งชีวิต จึงมีการถกเถียงกันมานานกว่าร้อยปีแล้วว่าเขาเป็นพวกรักร่วมเพศหรือไม่ ฝ่ายกล่าวหาหลายคนตั้งข้อสังเกตความเป็นพวกรักร่วมเพศจากภาพเหมือนตัวเองของเขา รวมทั้งพยายามหาร่องรอยของเรื่องนี้จากบันทึกทางประวัติศาสตร์ แต่ยังไม่พบหลักฐานอะไรที่ชัดเจน ฝ่ายที่ไม่เชื่อบอกว่าผู้คนจำนวนมากในสมัยนั้นมักจะถูกกล่าวหาแบบนี้
ว่ากันว่าบอตติเชลลีหลงรักผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ Simonetta Vespucci แต่ไม่สมหวังเพราะเธอแต่งงานแล้ว หลายคนเชื่อว่าเธอคือนางแบบในภาพของบอตติเชลลีหลายภาพรวมทั้ง The Birth of Venus และ Portrait of a Young Woman ทั้งๆที่เธอเสียชีวิตไปก่อนที่เขาจะเขียนภาพเหล่านั้นหลายปี บอตติเชลลีเคยขอร้องไว้ว่าให้ฝังร่างของเขาไว้แทบเท้าของเธอ และความหวังของเขาก็เป็นจริงในอีก 34 ปีต่อมาเมื่อเขาเสียชีวิต
ผลงานของศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุค
บอตติเชลลีมีผลงานในหลากหลายแนว ทั้งแนวเกี่ยวกับศาสนา เรื่องจากตำนาน ภาพพระแม่มารี และภาพเหมือนบุคคล มีทั้งภาพบนแผ่นไม้ ภาพปูนเปียก และภาพบนผ้าใบ ความโดดเด่นอยู่ที่ความประณีตอ่อนหวานนุ่มละมุน ผลงานของเขาเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนทั่วโลก และต่อไปนี้คือบางส่วนของผลงานอันยอดเยี่ยมของบอตติเชลลีที่งดงามดั่งฝัน
Religious Paintings
Sistine Chapel
Mythological Paintings
Madonnas
Portraits
Later Years
แม้ในช่วงบั้นปลายชีวิตชื่อเสียงของบอตติเชลลีต้องตกต่ำด่างพร้อยตามผู้อุปภัมภ์ที่หมดอำนาจ เขาจึงไม่ได้รับการยกย่องเท่าที่ควร แต่ผลงานของเขามิได้ด้อยค่าลง ยังคงยืนยงเรื่อยมาจวบจนปัจจุบัน เขาคือหนึ่งในศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาลของโลก
ข้อมูลและภาพจาก wikipedia, britannica, Google Sites