พบเห็ดบางชนิดสามารถ ‘กิน’ พลาสติกได้ อาจช่วยแก้ปัญหาขยะพลาสติกล้นโลก

บางทีเห็ดหรือฟังไจ (Fungi) อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเอาชนะสงครามขยะพลาสติกล้นโลกก็เป็นได้ เมื่อมีการพบเห็ดที่สามารถกินหรือย่อยสลายพลาสติกได้ภายในเวลาหลายสัปดาห์ แทนที่จะเป็นหลายสิบปีหากปล่อยให้ย่อยสลายเองตามธรรมชาติ

รายงานจากงานวิจัยของสวนพฤกษศาสตร์ Kew Gardens ประเทศอังกฤษซึ่งประกอบด้วยทีมนักวิทยาศาสตร์จาก 18 ประเทศจำนวนกว่า 100 คนได้แสดงศักยภาพของฟังไจที่หลากหลาย ทั้งสามารถย่อยสลายพลาสติก, ทำความสะอาดวัสดุกัมมันตรังสี และแม้กระทั่งช่วยเร่งกระบวนการผลิตไบโอดีเซล

ฟังไจ Aspergillus tubingensis ซึ่งถูกพบโดยทีมนักวิทยาศาสตร์ชาวจีนจากกองขยะในปากีสถานเมื่อปี 2017 สามารถเติบโตบนผิวของพลาสติก เอนไซม์ชนิดพิเศษของมันสามารถทำลายพันธะเคมีระหว่างโมเลกุลของพลาสติก แล้วแยกโมเลกุลของพลาสติกออกจากกันโดยใช้เส้นใย (mycelium) ของมัน

ในรายงานบอกว่า “ความสามารถนี้มีศักยภาพที่จะพัฒนาให้เป็นเครื่องมือที่จำเป็นในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมจากขยะพลาสติกที่เพิ่มมากขึ้นได้”

“นี่เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นอย่างเหลือเชื่อเพราะเป็นความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมที่ยิ่งใหญ่ ถ้ามันสามารถแก้ปัญหาได้จริงจะเป็นเรื่องที่ดีมาก” Ilia Leitch นักวิทยาศาสตร์อาวุโสที่ Kew Gardens กล่าว “เราอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการวิจัย แต่ฉันหวังจะได้เห็นการใช้ประโยชน์จากฟังไจที่สามารถกินพลาสติกได้ภายใน 5 ถึง 10 ปี”

mushrooms-decomposed-plastic-2

เมื่อไม่นานมานี้มีรายงานว่าขยะจากอังกฤษซึ่งถูกส่งไปรีไซเคิลที่โปแลนด์จริงๆแล้วกำลังถูกเผาและพ่นอนุภาคมีพิษอันตรายขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ จึงหวังว่าฟังไจจะสามารถปฏิวัติกระบวนการรีไซเคิลและให้วิธีย่อยสลายพลาสติกที่ปลอดภัยและยั่งยืน

ในรายงานยังได้กล่าวถึงบทบาทและความสำคัญของฟังไจที่ถูกใช้ในเบียร์ (ยีสต์), ยาเพนิซิลลิน, ผงซักฟอก และชีส รวมทั้งฟังไจชนิดที่รู้จักกันมากที่สุดก็คือเห็ดซึ่งมีการบริโภคทั่วโลกมากถึงปีละ 42.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังมีฟังไจบางชนิดถูกนำไปใช้สำหรับงานก่อสร้างด้วย

อย่างไรก็ตามเชื่อกันว่ายังมีฟังไจอีก 93 เปอร์เซ็นต์ที่เรายังไม่รู้จักจากทั้งหมดที่คาดว่ามีราว 6 ล้านสายพันธุ์ ทุกๆปีจะมีการพบฟังไจสายพันธุ์ใหม่ราว 2,000 ชนิด ปี 2017 ที่ผ่านมามีการพบฟังไจสายพันธุ์ใหม่ในฝุ่น, ในภาพสีน้ำมัน และพบสายพันธุ์ใหม่ชนิดหนึ่งซ่อนอยู่ใต้เล็บมือคน

 

ข้อมูลและภาพจาก dezeen, telegraph.co.uk

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *