“ในทางวิทยาศาสตร์ ผมไม่คิดว่ามันจะแก้ปัญหาได้จริงๆ” Dr. Brent Bauer ผู้อำนวยการด้านการแพทย์แบบผสมผสานของเมโยคลินิกกล่าว แต่เนื่องจากการรักษาแบบนี้มีความปลอดภัย และมีหลักฐานบางอย่างว่ามันอาจจะเป็นประโยชน์สำหรับบางคน ดังนั้นจึงสามารถนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมการรักษาที่ครอบคลุมหลายๆอย่าง เช่น การออกกำลังกาย โภชนาการ และปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิต
การครอบแก้วเป็นการทำให้ถ้วยวงกลมติดอยู่กับผิวหนังโดยการดูดอากาศออก การดูดอากาศออกอาจทำโดยการให้ความร้อนภายในถ้วย หรือโดยการใช้เครื่องสูบอากาศชนิดมือถือ การดูดอากาศจะดึงผิวหนังให้ยกสูงขึ้น ผู้ทำการรักษาบอกว่ามันจะเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังจุดที่ทำการครอบแก้ว ซึ่งในที่สุดจะช่วยคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อและลดการอักเสบ
แต่การรักษาจะส่งผลให้เส้นเลือดฝอยแตก ทำให้เกิดรอยฟกช้ำรูปวงกลมที่เด่นชัด รอยเหล่านี้อาจจะหายไปภายในประมาณสามวันจนถึงหลายสัปดาห์
มีงานวิจัยเล็กๆที่แสดงให้เห็นว่าการบำบัดด้วยการครอบแก้วอาจช่วยลดอาการปวดเข่าและปวดคอ เช่น งานวิจัยในปี 2011 กับคนที่มีอาการปวดคอเรื้อรังจำนวน 50 คน พบว่าผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยการครอบแก้ว 5 ครั้ง ในเวลา 2 สัปดาห์ บอกว่าอาการเจ็บปวดของพวกเขาลดลงมากกว่าคนที่ไม่ได้รับการรักษา
แต่การศึกษานี้มันยากที่จะตรวจสอบว่าเป็นผลจากความรู้สึกว่าได้รับการรักษาเหมือนกับการได้รับยาหลอก (placebo effect) นักวิจัยจึงเรียกร้องให้มีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อเปรียบเทียบประสิทธิผลของการรักษาด้วยการครอบแก้วกับการรักษาแบบให้ยาหลอก
ไม่ว่าประโยชน์ของการรักษาด้วยการครอบแก้วจะเป็นผลมาจากผลกระทบทางสรีรวิทยาหรือทางด้านจิตใจ (ผลกระทบของยาหลอก) การรักษาวิธีนี้ยังคงอาจจะมีประโยชน์สำหรับบางคน Bauer กล่าวว่า “ถ้านั่นคือการรักษาที่ทำให้ผมได้รับประโยชน์ ช่วยให้ผมลดความทุกข์ทรมาน ผมคิดว่าเราจะต้องเปิดทางเลือกให้กับผู้ป่วย ตราบใดที่การรักษานี้มีความปลอดภัย”
ไม่เฉพาะนักกีฬาโอลิมปิกอย่าง ไมเคิล เฟลป์ส เท่านั้นที่เชื่อมั่นในการครอบแก้ว ดาราฮอลลีวู้ดอย่าง กวินเน็ธ พัลโทรว์ และ เจนนิเฟอร์ อนิสตัน ก็เดินบนพรมแดงพร้อมกับรอยด่างกลมที่บนหลังของพวกเธอด้วยเช่นกัน
ข้อมูลและภาพจาก livescience, people