จิตรกรราชสำนักฮอลแลนด์และเบอร์กันดี
ยัน ฟัน ไอก์ เป็นชาวเฟลมิช เกิดเมื่อราวปี 1395 ที่เมือง Maaseik ปัจจุบันอยู่ในประเทศเบลเยียม พี่น้องของเขาทั้งพี่ชาย (Hubert) น้องชาย (Lambert ) และน้องสาว (Margareta) ล้วนเป็นจิตรกร โดยเฉพาะพี่ชายซึ่งเป็นคนที่ฝึกฝนฝีมือการเขียนภาพให้กับเขานั้นถือเป็นศิลปินใหญ่คนหนึ่งที่เป็นผู้บุกเบิกจิตรกรรมเนเธอร์แลนด์ยุคเริ่มแรก ไม่มีบันทึกใดๆเกี่ยวกับชีวิตในช่วงต้นของฟัน ไอก์เลย บันทึกเก่าแก่ที่สุดเกี่ยวกับตัวเขาเป็นเอกสารการจ่ายเงินให้กับเขาในช่วงระหว่างปี 1422 – 1424 ในฐานะจิตรกรราชสำนักฮอลแลนด์ ภายใต้ดยุกแห่งบาวาเรีย John III the Pitiless และเขามีส่วนร่วมในงานตกแต่งพระราชวัง Binnenhof ที่กรุงเฮกใหม่ด้วย
หลังจาก John III เสียชีวิตในปี 1425 ฟัน ไอก์ได้ย้ายไปอยู่ที่เมืองบรูชซึ่งเป็นเมืองหลวงของเขตเฟลมิช เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นจิตรกรราชสำนักเบอร์กันดีภายใต้ Philip the Good ผู้ปกครองเบอร์กันดี และยังเป็นสมาชิกอาวุโสในสมาคมจิตรกรแห่งเมือง Tournai ด้วย ฟัน ไอก์เป็นผู้ที่เฉลียดฉลาดมีความคิดสร้างสรรค์ มีการศึกษาดี และชอบเดินทาง เขาจึงมักได้รับภารกิจเป็นนักการทูตให้กับเจ้านายอยู่บ่อยครั้ง เมื่อปี 1428 เขาถูกส่งไปยังโปรตุเกสเพื่อเขียนภาพ Isabella of Portugal ซึ่งเป็นภรรยาในอนาคตของ Philip the Good ฟัน ไอก์ได้รับเงินเดือนสูงจากการเป็นจิตรกรราชสำนักและได้ค่าตอบแทนที่ดีจากการเป็นทูต รวมทั้งยังรับงานเขียนภาพอีกต่างหาก เขาจึงมีฐานะดีจัดเป็นชนชั้นสูงคนหนึ่ง ฟัน ไอก์แต่งงานกับ Margaret ซึ่งอยู่กับเขาจนกระทั่งเขาเสียชีวิต เพื่อแสดงการยกย่องและนับถือต่อฟัน ไอก์ผู้จากไป Philip the Good ได้ให้เงินแก่ Margaret เป็นจำนวนเท่ากับเงินเดือนของเขาทั้งปี
สานต่อพี่ชายกลายเป็นผลงานยิ่งใหญ่
Hubert พี่ชายของฟัน ไอก์ได้เริ่มงานเขียนภาพฉากประดับแท่นบูชาเกนต์ (Ghent Altarpiece) ซึ่งเป็นงานสร้างบานพับภาพที่ใหญ่มากเมื่อราวกลางทศวรรษ 1420 แต่เขามาเสียชีวิตในปี 1426 ฟัน ไอก์ได้สานต่องานของพี่ชายจนเสร็จสมบูรณ์ในปี 1432 กลายเป็นผลงานยิ่งใหญ่อมตะได้รับการยกย่องเป็นผลงานชิ้นเอกของศิลปะยุโรปและเป็นหนึ่งในสมบัติล้ำค่าของโลก
ฉากประดับแท่นบูชาเกนต์มีขนาด 4.6 x 3.4 เมตร ประกอบด้วยภาพเขียน 12 ภาพเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนาคริสต์ แต่ละภาพมีรายละเอียดซับซ้อนงดงามจับใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพตรงกลางด้านบน 3 ภาพอันประกอบด้วยภาพ The Almighty, Virgin Mary และ John the Baptist นั้นงามวิจิตรพิสดารมาก ทั้งตัวบุคคล เสื้อผ้า เครื่องประดับ อัญมณี ทุกองค์ประกอบสวยงามสมบูรณ์แบบอย่างหาที่ติไม่ได้ เมื่อปิดบานพับจะมีขนาด 2.6 x 3.75 เมตร ด้านหลังเขียนภาพแบบจิตรกรรมเอกรงค์หรือภาพเขียนที่ใช้สีเดียวทั้งภาพอีก 10 ภาพซึ่งมีความสวยงามไปอีกแบบหนึ่ง ฉากประดับแท่นบูชาเกนต์เคยถูกอดอล์ฟ ฮิตเลอร์สั่งยึดไปเก็บไว้ที่เยอรมันระยะหนึ่งก่อนจะได้รับกลับคืนมา มีภาพส่วนหนึ่งเสียหายและมีบานพับบางบานถูกขโมยไปจนต้องมีการบูรณะและคัดลอกภาพใหม่ทดแทน
ภาพเขียนชิ้นเอกเหมือนจริงราวภาพถ่าย
นอกเหนือจากเขียนภาพแนวศาสนาได้อย่างงดงามจับใจแล้ว ฟัน ไอก์ยังเขียนภาพเหมือนบุคคลได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย และภาพเขียนบุคคลที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเขาคือภาพ The Arnolfini Portrait ฟัน ไอก์เขียนภาพนี้ในปี 1434 เชื่อกันว่าเป็นภาพเหมือนของโจวันนี อาร์นอลฟีนี (Giovanni Arnolfini) พ่อค้าจากเมืองลูคคา ในอิตาลีกับภรรยาที่กำลังท้อง ในห้องที่อาจจะเป็นที่พำนักในเมืองบรูช มณฑลฟลานเดอส์ ประเทศเบลเยียม
The Arnolfini Portrait เป็นภาพเขียนสีน้ำมันบนไม้โอ๊คขนาด 82.2 × 60 ซม. ถือกันว่าเป็นภาพเขียนต้นแบบและมีความซับซ้อนมากที่สุดภาพหนึ่งของจิตรกรรมตะวันตก The Arnolfini Portrait เป็นภาพเขียนที่สวยงามมีมิติน่าประทับใจจากรายละเอียดต่างๆในภาพที่เหมือนจริงมาก ไม่ว่าจะเป็นตัวบุคคล เสื้อผ้า โคมไฟระย้าทองเหลือง กระจกนูน แม้กระทั่งรองเท้าแตะ โดยเฉพาะการใช้แสงและการสร้างช่องว่างภายในของภาพสามารถทำให้ผู้ชมเชื่อว่าเป็นภาพของห้องและผู้ที่อยู่ในห้องนั้นจริงๆ หอศิลป์แห่งชาติแห่งลอนดอนซื้อภาพเขียนนี้ในปี 1842 ด้วยราคาเพียง 600 ปอนด์เท่านั้น
ทศวรรษแห่งความสำเร็จและรุ่งโรจน์
ช่วงเวลาหลังจากเสร็จงานเขียนภาพฉากประดับแท่นบูชาเกนต์ถือเป็นช่วงสูงสุดในชีวิตการเป็นจิตรกรของยัน ฟัน ไอก์ เพราะเป็นช่วงที่เขาสร้างผลงานชั้นยอดออกมาอย่างต่อเนื่องมากมาย นอกเหนือจากาพ The Arnolfini Portrait ที่เป็นผลงานขั้นสุดยอดของเขาแล้ว ผลงานที่หลงเหลืออยู่ถึงปัจจุบันสร้างขึ้นระหว่างปี 1431 -1441 แทบทั้งสิ้น แม้แต่หลังจากที่เขาเสียชีวิตไปในปี 1441 ยังมีผลงานชิ้นเยี่ยมออกมาอีกหลายภาพซึ่งเชื่อกันว่าเป็นงานที่ฟัน ไอก์ทำค้างเอาไว้ในสตูดิโอแล้วลูกศิษย์หรือผู้ช่วยของเขาได้ทำต่อจนเสร็จ
ภาพเขียนแนวศาสนาของฟัน ไอก์สวยงามยอดเยี่ยมทุกภาพด้วยฝีมืออันวิจิตรประณีตและมีมิติสมจริง ที่โดดเด่นมากๆได้แก่ภาพ The Annunciation, Madonna of Chancellor Rolin, Madonna and Child with Canon Joris van der Paele และ Virgin and Child with Saints and Donor เป็นต้น ส่วนด้านภาพเหมือนบุคคลก็เช่นเดียวกันทุกภาพงดงามเกินบรรยาย อย่างเช่นภาพ Man in a Red Turban ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นมากและเชื่อกันว่าเป็นภาพเหมือนของฟัน ไอก์เอง หรือภาพ Portrait of a Man with a Blue Chaperon, Portrait of Jan de Leeuw และ Portrait of Margaret van Eyck ล้วนเป็นภาพที่ยอดเยี่ยมน่าประทับใจทั้งสิ้น
จิตรกรต้นแบบผู้พัฒนาเทคนิคสีน้ำมัน
ในช่วงก่อนศตวรรษที่ 16 จิตรกรนิยมใช้สีฝุ่นเทมเพอรา (Tempera) ในการเขียนภาพ แม้ว่าจะมีค้นพบและใช้สีน้ำมัน (Oil) มาก่อนหน้านั้นนานมากแล้ว เข้าใจว่าเป็นเพราะยังไม่มีผู้ใดพัฒนาเทคนิคที่สามารถดึงเอาศักยภาพอันโดดเด่นในการเขียนภาพของสีน้ำมันออกมาได้นั่นเอง ยัน ฟัน ไอก์ถือเป็นคนแรกๆในประวัติศาสตร์ที่ได้พัฒนาเทคนิคการใช้สีน้ำมันเขียนภาพจนได้ผลงานที่ยอดเยี่ยม สีน้ำมันจึงเริ่มเป็นที่นิยมและเข้ามาแทนที่สีฝุ่นเทมเพอราตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 เป็นต้นมา
จากผลงานของเขาตั้งแต่ภาพฉากประดับแท่นบูชาเกนต์มาถึงภาพ The Arnolfini Portrait และผลงานภาพอื่นๆเห็นได้ชัดว่าฟัน ไอก์ได้พัฒนาเทคนิคการใช้สีน้ำมันได้อย่างยอดเยี่ยมสมบูรณ์แบบ ทำให้ภาพมีความโดดเด่นด้วยความมันวาวมีประกายของเสื้อผ้า ความแวววาวของอัญมณีที่เหมือนจริงมาก ดวงตาของคนที่มีประกายแวววาวดูมีชีวิตชีวา เส้นผมที่ดูเป็นธรรมชาติ รวมไปถึงการให้แสงและเงาที่ทำให้เกิดมิติสมจริง ฟัน ไอก์ได้พัฒนาสิ่งเหล่านี้จนทำให้ภาพเขียนของเขามีความงดงามจับใจ
ผลงานอมตะของตำนานศิลปินยุคเก่า
อาจเป็นเพราะความเป็นนักเดินทางและความประณีตในการสร้างสรรค์งานฟัน ไอก์จึงมีผลงานน้อยชิ้น แต่ทุกชิ้นล้วนเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยม ทั้งภาพเหมือนบุคคคลที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์และภาพเขียนแนวศาสนาที่วิจิตรละลานตา และต่อไปนี้คือภาพเขียนสำคัญทั้งหมดของเขาที่ยังหลงเหลืออยู่
Portraits
Ghent Altarpiece
Religious Paintings
แม้ว่าเวลาจะผ่านไปแล้วเกือบ 600 ปีแต่ผลงานของยัน ฟัน ไอก์ยังคงตราตรึงประทับใจของผู้คนหลายยุคหลายสมัยจวบจนปัจจุบัน และแม้ว่าเขามีผลงานจำนวนค่อนข้างน้อยแต่ผลงานทุกชิ้นล้วนยอดเยี่ยม เขายังเป็นผู้พัฒนาเทคนิคสีน้ำมันจนต่อมาได้รับความนิยมและแพร่หลายจนถึงปัจจุบัน ยัน ฟัน ไอก์ได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในจิตรกรที่โดดเด่นที่สุดแห่งศตวรรษที่ 15 และเป็นหนึ่งในศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ของโลกตลอดกาล
ข้อมูลและภาพจาก wikipedia, jan-van-eyck.org, oil-painting-techniques