ฝึกฝนฝีมือกับยอดปรมาจารย์แห่งยุค
ฟร็องซัว เจอร์ราร์ด เป็นชาวฝรั่งเศสแต่เกิดที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี เมื่อปี 1770 เนื่องจากพ่อของเขาทำงานในสถานทูตฝรั่งเศสที่นั่นและแม่เป็นชาวอิตาลี เจอร์ราร์ดเริ่มเรียนศิลปะกับ Augustin Pajou ที่กรุงปารีสราว 2 ปีจากนั้นได้มาเป็นลูกศิษย์ของ Jacques-Louis David ผู้เป็นปรมาจารย์ต้นแบบศิลปะนีโอคลาสสิก ปี 1789 เขาเข้าร่วมแข่งขันชิงทุนการศึกษา Prix de Rome ซึ่งผู้ชนะเลิศจะได้รับทุนไปเรียนศิลปะที่กรุงโรม แต่เขาได้เพียงอันดับที่สองพ่ายแพ้ให้กับ Anne-Louis Girodet-Trioson เพื่อนร่วมสำนักอาจารย์เดียวกันไปอย่างน่าเสียดาย ปีถัดมาเขาเข้าร่วมแข่งขันอีกแต่พอดีพ่อของเขาเกิดเสียชีวิตทำให้เขาต้องออกจากการแข่งขันเพื่อเดินทางไปกรุงโรมกับแม่
เจอร์ราร์ดกลับมากรุงปารีสในปี 1791 แต่เนื่องจากความยากจนทำให้เขาจำต้องล้มเลิกการเรียนต่อและเริ่มต้นทำงานเพื่อความอยู่รอดด้วยวัยเพียง 20 ปี โดยมี David ผุู้เป็นอาจารย์คอยให้ความช่วยเหลือทั้งให้ทำงานเป็นผู้ช่วยเขียนภาพและจัดการให้มีที่พักและสตูดิโอเขียนภาพที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ จนถึงปี 1794 เขาจึงได้รับความสำเร็จเป็นครั้งแรกเมื่อได้รับรางวัลชนะเลิศจากการแข่งขันเขียนภาพบันทึกเหตุการณ์การปฏิวัติฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 1792 ซึ่งมีการบุกโจมตีพระราชวังตุยเลอรีส์โดยประชาชนในภาพชื่อ The 10th of August, 1792
ผลงานชิ้นเอกสร้างชื่อเสียงเลื่องลือ
แต่ก่อนที่เจอร์ราร์ดจะเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังเขาต้องใช้เวลาสร้างผลงานอยู่นานหลายปีทีเดียว ตั้งแต่ปี 1794 เขาเริ่มเขียนภาพเหมือนบุคคลและค่อยๆมีผลงานที่โดดเด่นขึ้นมาอย่างเช่นภาพ Jean-Baptist Isabey, Miniaturist, with his Daughter ในปี 1795, ภาพ Portrait of G. F. Reverdin ในปี 1796 และในปี 1797 เขาได้เขียนภาพแนวประวัติศาสตร์ซึ่งสร้างชื่อให้กับเขาไม่น้อยคือภาพ Belisarius ก่อนที่ในปีต่อมาเขาได้สร้างผลงานชิ้นเอกจากเทพนิยายแสนโรแมนติกซึ่งสร้างชื่อเสียงให้กับเขามากที่สุด
ภาพ Cupid and Psyche หรือ Psyche Receiving Cupid’s First Kiss เป็นฉากจากวรรณกรรมกรีกโบราณเรื่อง The Golden Ass ไซคีเป็นเจ้าหญิงผู้มีรูปโฉมงดงามยิ่งกว่าผู้ใด แม้กระทั่งเทพวีนัสยังอิจฉาถึงกับส่งคิวปิดหรือกามเทพไปแผลงศรให้ไซคีหลงรักชายอัปลักษณ์ แต่คิวปิดกลับตกตะลึงในความงามของไซคีจนลูกศรในมือทิ่มแทงตัวเอง คิวปิดจึงหลงรักไซคีจนหมดใจ เมื่อไซคีโดนกลั่นแกล้งจนต้องมนตร์แห่งความหลับใหล คิวปิดตามหาไซคีจนพบและแก้ไขให้ไซคีฟื้นขึ้นมาได้สำเร็จ ฉากจุมพิตแสนโรแมนติกจึงบังเกิดขึ้น เจอร์ราร์ดเขียนภาพนี้ได้งดงามสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ผลงานนี้สร้างชื่อเสียงเลื่องลือและส่งให้เขาก้าวขึ้นเป็นจิตรกรชั้นนำ
สุดยอดฝีมือเขียนภาพเหมือนบุคคล
ปี 1799 เจอร์ราร์ดได้เขียนภาพให้กับ Letizia Bonaparte หรือที่เรียกันว่า “Madame Mère” ซึ่งเป็นมารดาของนโปเลียนผู้ซึ่งกำลังมีบทบาทในทางการเมืองอย่างสูงหลังการปฏิวัติฝรั่งเศส ภาพ Portrait of Madame Mère เป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมด้วยฝีมือที่ประณีตและการจัดองค์ประกอบของภาพที่ดูมีอิสระและมีความเป็นส่วนตัวส่งเสริมภาพลักษณ์ของความเป็นแม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ภาพนี้ทำให้เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในจิตรกรที่เขียนภาพเหมือนบุคคลได้ดีที่สุดในยุคนั้น พอชื่อเสียงโด่งดังก็มีงานรุม บุคคลชั้นนำและผู้มีชื่อเสียงต่างทยอยมาเป็นแบบให้เจอร์ราร์ดเขียนภาพเหมือนของตัวเองเป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นได้แก่ Juliette Récamier เซเลบริตี้คนดังของยุโรปชาวปารีส และภาพ Madame Récamier ได้กลายเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นเอกของเขาที่เป็นภาพเหมือนบุคคลที่งดงามที่สุดอีกภาพหนึ่งในประวัติศาสตร์
เมื่อนโปเลียนขึ้นครองอำนาจเป็นจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 เจอร์ราร์ดได้กลายเป็นจิตรกรราชสำนักเขียนภาพให้กับจักรพรรดินโปเลียนและจักรพรรดินีโฌเซฟีน รวมถึงบุคคลสำคัญในราชสำนักและในแวดวงการเมืองอีกจำนวนมาก ผลงานชั้นยอดจึงทยอยตามออกมามากมาย อย่างเช่นภาพ Portrait of Napoleon Bonaparte, Portrait of the Empress Josephine และ Portrait of Louise Antoinette Scholastique Guéhéneuc with her Children เป็นต้น ภาพเหมือนบุคคลของเจอร์ราร์ดได้รับการยกย่องชื่นชมเป็นอย่างมาก บางคนถึงกับบอกว่าภาพเหมือนของเขาสละสลวยยิ่งกว่าผลงานของอาจารย์ของเขาเสีียอีก
ถึงแม้ว่าเจอร์ราร์ดจะกลายเป็นสุดยอดฝีมือทางด้านการเขียนภาพเหมือนบุคคลที่ได้รับการยอมรับไปแล้วก็ตาม แต่เขายังต้องการพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้เก่งเฉพาะการเขียนภาพเหมือนเท่านั้น การเขียนภาพประวัติศาสตร์เขาก็สามารถทำได้ดีเช่นกัน ถึงแม้เขาเขียนภาพแนวนี้ค่อนข้างน้อยแต่ทุกภาพที่เขาเขียนล้วนสะท้อนฝีมืออันแข็งแกร่งไม่แพ้ผู้ใด อย่างเช่นภาพ The Battle of Austerlitz, 2nd December 1805 และภาพ Entrée d’Henri IV à Paris, 22 Mars 1594 ซึ่งเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมมาก
จิตรกรราชสำนักของฝรั่งเศส 3 รัชกาล
หลังจากนโปเลียนหมดอำนาจราชวงศ์บูร์บงของฝรั่งเศสถูกฟื้นฟูขึ้นใหม่ เจอร์ราร์ดไม่ได้ถูกพิษภัยการเมืองเล่นงานแบบเดียวกับ Jacques-Louis David ผู้เป็นอาจารย์ที่ต้องเนรเทศตัวเองไปอยู่ต่างประเทศ ส่วนเขาได้รับแต่งตั้งเป็นจิตรกรราชสำนักต่อไปและทำงานรับใช้กษัตริย์ Louis XVIII จนสิ้นสุดรัชกาล เจอร์ราร์ดได้รับบรรดาศักดิ์เป็นบารอนจากกษัตริย์ Louis XVIII ในปี 1819 ดังนั้นเขาจึงมักถูกเรียกเป็นบารอน เจอร์ราร์ด เมื่อกษัตริย์ Charles X ขึ้นครองราชย์ต่อจากกษัตริย์ Louis XVIII ก็ยังคงให้เจอร์ราร์ดเป็นจิตรกรราชสำนักต่อไปอีกทำให้เจอร์ราร์ดเป็นจิตรกรราชสำนักของฝรั่งเศสอย่างยาวนานถึง 3 รัชกาลเป็นเวลาราว 30 ปี
ในระยะหลังนอกเหนือจากการเขียนภาพบุคคลที่ทำเป็นปกติแล้วเจอร์ราร์ดยังมีผลงานชิ้นเยี่ยมในแนวอื่นได้แก่ภาพ Corinne at Cape Misenum ที่เขียนจากนิยาย และภาพแนวศาสนาในภาพ Teresa of Ávila รวมทั้งภาพแนวประวัติศาสตร์ในภาพ The Fatherland under Threat ที่เขียนไม่เสร็จสมบูรณ์เนื่องจากภายหลังเหตุการณ์การปฏิวัติโค่นล้มราชวงศ์ฝรั่งเศสในปี 1830 เจอร์ราร์ดาเกิดความเศร้าใจท้อแท้และวิตกกังวล เขาป่วยและเสียชีวิตในปี 1837 ด้วยวัย 66 ปี
ผลงานสุดงดงามละมุนละไมเนียนตา
เจอร์ราร์ดเป็นศิลปินที่รักษาสไตล์อันโดดเด่นแบบนีโอคลาสสิกให้ได้รับความนิยมอย่างยาวนาน ภาพเขียนของเขามีจุดเด่นที่มีความงดงามละมุนละไมเนียนตา ผลงานส่วนใหญ่เป็นภาพเหมือนของกษัตริย์ ราชินี ราชนิกุล และบุคคลชั้นสูง โดยมีภาพเขียนในแนวประวัติศาสตร์ ตำนาน และศาสนาสอดแทรกอยู่บ้าง และต่อไปนี้คือส่วนหนึ่งของผลงานอันน่าประทับใจของสุดยอดฝีมือเขียนภาพเหมือนบุคคลผู้นี้
Early Works (1891 – 1899)
Napoleon Bonaparte Period (1899 – 1814)
Louis XVIII & Charles X Period (1814 – 1827)
Later Years (1827 – 1837)
ฟร็องซัว เจอร์ราร์ดเป็นจิตรกรคนสำคัญที่มีฝีมือโดดเด่นในยุคนีโอคลาสสิกช่วงจักรวรรดินโปเลียนและช่วงฟื้นฟูราชวงศ์ฝรั่งเศส ภาพเขียนของเจอร์ราร์ดได้รับการยกย่องชื่นชมว่ามีความงดงามละมุนละไมเนียนตายากจะหาผุู้ใดเทียบได้ เขาคือหนึ่งในสุดยอดฝีมือเขียนภาพเหมือนบุคคลแห่งยุคนีโอคลาสสิกที่ได้รับการยกย่องอย่างสูง เจอร์ราร์ดเป็นจิตรกรราชสำนักของฝรั่งเศสต่อเนื่องยาวนานถึง 3 รัชกาลจนได้รับฉายา “The Painter of Kings and King of Painters”
ข้อมูลและภาพจาก wikipedia, britannica, chateauversailles.fr