1. แมงกะพรุนแผงคอสิงโต (Lion’s Mane Jellyfish)
นี่คือสายพันธุ์แมงกะพรุนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มันเป็นเจ้าของส่วนหัวคล้ายร่มใหญ่ขนาดกว้างได้ถึง 3 เมตรกับหนวดรุงรังนับร้อยเส้นซึ่งมันใช้จับเหยื่อเป็นอาหารที่อาจยาวได้ถึง 37 เมตร แม้ว่ามันจะมีขนาดมหึมาและดูน่าเกรงขามแต่มันไม่เป็นอันตรายต่อคนมากนักเพราะพิษของมันไม่ร้ายแรงแค่แสบคันหรือบวมแดงเท่านั้นไม่ถึงตาย พอหมดอายุขัยเจ้าแมงกะพรุนยักษ์นี้จะกลายเป็นโอเอซีสลอยน้ำสำหรับพวกกุ้งปลาบางชนิดใช้เป็นแหล่งอาหารและที่หลบภัยจากนักล่า
2. วาฬสีน้ำเงิน (Blue Whale)
วาฬสีน้ำเงินเป็นสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา – ใหญ่กว่าไดโนเสาร์ตัวที่ใหญ่ที่สุด พวกมันมีน้ำหนักถึง 200 ตัน บางตัวยาวกว่า 50 เมตร หัวใจของพวกมันมีขนาดเท่ารถยนต์ เสียงหัวใจเต้นได้ยินไกลกว่า 3 กิโลเมตร ขณะที่มันสามารถส่งเสียงร้องดังไกลถึง 1,500 กิโลเมตร ตอนแรกเกิดพวกมันก็มีขนาดใหญ่กว่าสัตว์ขนาดใหญ่ที่โตเต็มที่แล้ว พวกมันเกือบจะสูญพันธุ์ไปแล้วในช่วงศตวรรษที่ 20 เพราะถูกล่าโดยมนุษย์ไปราว 500,000 ตัว โชคดีที่พวกมันค่อยๆฟื้นตัวขึ้นหลังจากมีการห้ามล่าวาฬทั่วโลก ปัจจุบันมีเหลืออยู่ราว 1,500 ตัวซึ่งถือว่ายังอยู่ในสถานะที่น่าเป็นห่วง
3. วาฬหัวทุย (Sperm Whale)
ด้วยขนาดลำตัวที่อาจยาวได้ถึง 20 เมตรทำให้วาฬหัวทุยเป็นวาฬชนิดมีฟันที่ใหญ่ที่สุด รวมถึงเป็นสัตว์มีฟันที่ใหญ่ที่สุดด้วย ลักษณะเด่นของมันคือมีหัวที่ใหญ่และยาวมากยาวเกือบ 40% ของลำตัว ส่วนหน้าผากตั้งฉากตรงขึ้นจากปลายปากบนและหักเป็นแนวลาดไปทางส่วนหลัง พวกมันมีสมองที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาสัตว์ทั้งหลายโดยมีน้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม สามารถส่งเสียงร้องได้ดังมากพอๆกับเสียงปืนไรเฟิลและชอบกินปลาหมึกยักษ์เป็นพิเศษ วาฬหัวทุยถูกมนุษย์ฆ่าตายไปราว 1.1 ล้านตัวในช่วงสามศตวรรษที่ผ่านมา นอกจากเนื้อที่ใช้รับประทานกับเขี้ยวและฟันที่ใช้ทำเครื่องประดับแล้ว พวกมันยังมีส่วนสำคัญที่เรียกว่าไขปลาวาฬ (Spermaceti) ซึ่งใช้ในการผลิตโลชันและเวชภัณฑ์ชนิดต่างๆอันเป็นที่มาของชื่อของพวกมันนั่นเอง
4. ปลาฉลามวาฬ (Whale Shark)
เจ้ายักษ์ใหญ่สง่างามลำตัวยาวถึง 18 เมตรที่ท่องเที่ยวตะเวนไปในมหาสมุทรทั่วโลกสายพันธุ์นี้เป็นปลาฉลามเคลื่อนที่ช้าที่กินแพลงก์ตอนเป็นอาหารหลัก ปลาฉลามวาฬซึ่งเป็นปลาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเป็นหนึ่งในสัตว์ทะเลที่นักดำน้ำต้องการจะพบเห็นตัวและถ่ายรูปมากที่สุดเพราะมันเป็นสัตว์ขนาดใหญ่ที่สวยงามมีนิสัยอ่อนโยนไม่ทำร้ายมนุษย์ ฉลามวาฬเป็นหนึ่งในชนิดของฉลามที่ใกล้สูญพันธุ์แล้ว เนื่องจากพวกมันถูกจับทำเป็นอาหารยอดนิยมราคาแพงของชาวจีนและชาวไทยนั่นคือ “หูฉลาม”
5. ปลาฉลามอาบแดด (Basking Shark)
ปลาฉลามอาบแดดเป็นปลาที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรองมาจากปลาฉลามวาฬ พวกมันมีความยาวพอๆกับรถบัสโดยสารสองชั้นบางตัวยาวกว่า 12 เมตร มีน้ำหนักมากถึงได้ 7 ตันหรือเท่ากับช้างสองเชือก มีลักษณะเด่นคือมีปลายจมูกเป็นรูปกรวยและมีปากขนาดใหญ่มาก พวกมันอาศัยอยู่ในบริเวณน้ำอุ่นชอบกินอาหารตรงบริเวณผิวน้ำที่มีแสงแดดสาดส่องจึงเห็นเหมือนมันกำลังอาบแดดอันเป็นที่มาของชื่อของพวกมัน หากพบเห็นฉลามอาบแดดพร้อมกับจมูกขนาดมหึมากำลังอ้าปากกว้างจนเห็นแผงซี่เหงือกอยู่ใกล้ผิวน้ำก็ไม่ต้องตกใจมากเพราะพวกมันไม่ดุร้ายกินพวกแพลงก์ตอนเป็นอาหาร
6. ปลาหมึกยักษ์ (Giant Squid)
หมึกยักษ์เป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในทะเลลึกมีขนาดมหึมาโดยเฉลี่ยตัวผู้มีความยาวประมาณ 10 เมตร ส่วนตัวเมียประมาณ 12 เมตร แต่เคยพบตัวเมียบางตัวยาวถึง 18 เมตร หนวดของพวกมันสามารถจับเหยื่อได้ในระยะทางไกลกว่า 10 เมตร พวกมันเป็นสัตว์ที่มีลูกตาใหญ่ที่สุดในโลกมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเกือบ 30 เซนติเมตร หมึกยักษ์เป็นสัตว์ลึกลับที่พบเห็นได้ยากมากเพราะส่วนใหญ่มันจะอยู่แต่ใต้ทะเลลึกไม่ค่อยขึ้นมาบนผิวน้ำทำให้เรารู้เรื่องเกี่ยวกับหมึกชนิดนี้น้อยมาก ดังนั้นพฤติกรรมการใช้ชีวิตของมันยังคงเป็นปริศนาอยู่จนถึงทุกวันนี้ พวกมันคือตำนานของนักเดินเรือในสมัยโบราณเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเลที่เรียกว่า Kraken ที่เล่ากันว่าเป็นสัตว์มีหนวดที่มีขนาดเท่าเกาะและสามารถจมเรือได้
7. หมึกยักษ์แปซิฟิก (Giant Pacific Octopus)
หมึกยักษ์แปซิฟิกมีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาสัตว์จำพวกหมึกทุกสายพันธุ์ พวกมันบางตัวอาจมีรัศมีแผ่กระจายออกไปได้กว่า 10 เมตร โดยทั่วไปแล้วหมึกยักษ์แปซิฟิกจะมีสีน้ำตาลแดงแต่พวกมันสามารถเปลี่ยนสีได้เมื่อถูกคุกคามหรือต้องการการพรางตัว หมึกยักษ์แปซิฟิกถูกจัดอันดับให้เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังที่ฉลาดที่สุด พวกมันมักถูกเลี้ยงไว้แสดงที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเนื่องจากขนาดและสรีรวิทยาที่น่าสนใจ รวมทั้งมีความสามารถหลายอย่างอันน่าทึ่งทั้งเรื่องความสามารถในการจดจำและการแก้ปัญหาบางอย่างที่ซับซ้อน
8. ปลาพญานาค (Oarfish)
ปลาพญานาคหรือปลาริบบิ้นมีรูปร่างลักษณะคล้ายกับพญานาคตามความเชื่อของไทยหรือคล้ายมังกรทะเลในความเชื่อของชาวตะวันตก มีความยาวได้สูงสุดถึง 9 เมตร และหนัก 300 กิโลกรัม มีส่วนหัวที่ใหญ่ ลำตัวแบนสีเงินไม่มีเกล็ดแต่มีจุดสีฟ้าและดำประปราย ครีบหลังเป็นสีชมพูแดง บนหัวมีอวัยวะคล้ายหงอนเป็นจุดเด่น พวกมันอาศัยอยู่ตรงบริเวณที่ดำมืดใต้ทะเลลึกต่ำจากผิวน้ำลงไปราว 1,000 เมตรและไม่ค่อยขึ้นมาบนผิวน้ำจึงไม่ค่อยมีโอกาสพบเห็นตัวเป็นๆของมันบ่อยนัก ส่วนใหญ่จะพบแต่ซากของพวกมันที่ถูกคลื่นซัดขึ้นฝั่ง
9. ปลาแสงอาทิตย์ (Ocean Sunfish)
ปลาแสงอาทิตย์หรือเรียกอีกอย่างว่าปลาโมลา โมลา (Mola mola) จัดว่าเป็นปลาที่แปลกประหลาดทีเดียวเนื่องจากมันมีรูปร่างเป็นทรงกลมส่วนหัวมีขนาดใหญ่ขณะที่ครีบหางหดสั้นเข้ามาติดตอนท้ายของลำตัวที่สั้นมากจนดูคล้ายกับเป็นปลาที่มีแต่ส่วนหัวอย่างเดียว แม้ว่าพวกมันมีรูปร่างประหลาดแต่ก็ยังเป็นปลาที่ว่ายน้ำได้โดยอาศัยครีบหลังที่ตั้งขี้นไปข้างบนกับครีบก้นที่ยื่นลงมาข้างล่างและมีความเร็วมากพอที่จะจับกินแมงกะพรุนเป็นอาหารหลัก แต่ควบคุมทิศทางการว่ายได้ไม่ดีนักเป็นเหตุให้พวกมันว่ายไปชนเรือลำใหญ่อยู่บ่อยครั้ง พวกมันมีขนาดโตเต็มที่ได้ถึง 3.2 เมตรและมีน้ำหนักได้มากถึง 2,300 กิโลกรัมซึ่งถือว่าเป็นปลากระดูกแข็งที่มีน้ำหนักมากที่สุดในโลก ตามปกติจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวแต่มีบางครั้งที่พวกมันมารวมตัวกันเพื่อทำความสะอาด
10. ปูแมงมุมญี่ปุ่น (Japanese Spider Crab)
ปูแมงมุมญี่ปุ่นเป็นสายพันธุ์ปูทะเลที่สามารถพบได้ทั่วไปในน่านน้ำของประเทศญี่ปุ่น มันถูกจับเพื่อนำมาทำอาหารเนื่องจากเนื้อมีรสชาติดีและถือว่าเป็นอาหารอันโอชะของญี่ปุ่น ด้วยช่วงขาที่ยาวกว่า 3.7 เมตรปูแมงมุมญี่ปุ่นจึงไม่เพียงแต่เป็นปูที่ใหญ่ที่สุดเท่านั้น แต่ยังเป็นสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาสัตว์ขาปล้องด้วยกัน ปูแมงมุมญี่ปุ่นมีขนาดลำตัวกว้างเซนติเมตร 30 – 40 เซนติเมตรและยาวประมาณ 20 เซนติเมตร ปูแมงมุมญี่ปุ่นขนาดใหญ่อาจมีน้ำหนักถึง 20 กิโลกรัม เมื่อมันมีอายุมากขึ้นขาของมันยังคงเติบโตต่อไปขณะที่กระดองมีขนาดเท่าเดิม จึงมีผู้พบเห็นปูแมงมุมญี่ปุ่นบางตัวมีขนาดถึง 5.5 เมตร ลำตัวของพวกมันมีสีส้มและมีสีขาวแต้มเป็นจุดหรือลายตามลำตัว พวกมันมีรูปร่างที่ดุดันน่ากลัวแต่มีนิสัยอ่อนโยนและไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์
ข้อมูลและภาพจาก treehugger, wikipedia