เด็กหญิงมากพรสวรรค์เก่งกาจเกินวัย
เอลีซาแบ็ต หลุยส์ วีเฌ เลอเบริง เป็นชาวฝรั่งเศส เกิดที่กรุงปารีสเมื่อปี 1755 พ่อของเธอเป็นจิตรกรภาพเหมือนและภาพบนพัดที่พอมีชื่อเสียงคนหนึ่ง วีเฌ เลอเบริงชอบวาดรูปมาตั้งแต่เด็กโดยมีพ่อของเธอเองเป็นครูคนแรก ศิลปินหญิงตัวน้อยวาดรูปบนทุกพื้นที่ที่วาดได้ตั้งแต่หนังสือเรียนไปจนถึงผนังของโรงเรียน เธอไม่ได้แค่ชอบวาดรูปแต่ยังมากด้วยพรสวรรค์ด้านศิลปะที่ทำให้ผู้เป็นพ่อมั่นใจว่าเธอจะเป็นจิตรกรเลื่องชื่อในอนาคต เขาจึงสนับสนุนลูกสาวและสอนพื้นฐานของศิลปะโดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านสีพาสเทลซึ่งเขาเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ น่าเสียดายที่เขาไม่มีโอกาสได้เห็นผลงานของลูกสาวในฐานะจิตรกรอาชีพเพราะเขาเสียชีวิตไปก่อนตอนที่เธอมีเพียงอายุ 12 ปี แม่ของเธอแต่งงานใหม่กับพ่อค้าอัญมณีที่ร่ำรวยทำให้เธอต้องไปอยู่กับพ่อเลี้ยงที่เธอไม่ชอบ การเป็นผู้หญิงทำให้วีเฌ เลอเบริงถูกปิดกั้นไม่มีโอกาสเข้าเรียนในสถาบันสอนศิลปะของทางการ แต่นั่นก็ไม่สามารถหยุดความฝันของเด็กหญิงมากพรสวรรค์คนนี้ได้
หลังจากใช้เวลาหลายปีในการฝึกฝนฝีมือกับจิตรกรมีชื่อของปารีสหลายคน วีเฌ เลอเบริงค่อยๆพัฒนาเทคนิคเฉพาะตัวที่ซับซ้อนและโดดเด่นขึ้นอย่างชัดเจนสามารถเขียนภาพเหมือนบุคคลได้อย่างมืออาชีพแม้ยังเป็นแค่วัยรุ่น อย่างเช่นในภาพ The Artist’s Brother ซึ่งเป็นภาพเหมือนของน้องชายของเธอเองนั้นถือเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับเด็กวัยเพียง 18 ปี ฝีมือของเธอพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วต่อเนื่องจนสามารถเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมศิลปินอาชีพ Académie de Saint-Luc ของกรุงปารีสในปี 1774 ด้วยวัยแค่ 19 ปี วีเฌ เลอเบริงแต่งงานกับพ่อค้างานศิลปะ Jean-Baptiste-Pierre Le Brun ในปี 1776 จากนั้นจึงเริ่มจัดแสดงผลงานของเธอที่บ้านของตัวเองและได้เขียนภาพเหมือนของบุคคลชั้นสูงหลายคนจนเริ่มมีชื่อเสียง และแล้วโอกาสสำคัญของเธอก็มาถึงในปี 1778 เมื่อ Marie Antoinette พระราชินีแห่งฝรั่งเศสได้เรียกเธอไปเขียนภาพเหมือนให้ ภาพ Marie Antoinette in Court Dress จึงเป็นผลงานชิ้นแรกที่เธอทำให้กับผู้อุปถัมภ์คนสำคัญในอนาคตซึ่งก็พอใจในผลงานที่ออกมาอย่างมาก
ผลงานชิ้นเอกงดงามสดใสนุ่มละมุน
ปี 1781 วีเฌ เลอเบริงกับสามีเดินทางไปท่องเที่ยวที่ฟลานเดอร์และเนเธอร์แลนด์ทำให้เธอได้เห็นผลงานของศิลปินชั้นครูชาวเฟลมิชหลายคนซึ่งได้เป็นต้นแบบและสร้างแรงบันดาลใจให้เธอพัฒนาเทคนิคและสไตล์การเขียนภาพให้ดียิ่งขึ้นโดยเฉพาะผลงานของ Peter Paul Rubens ที่เธอชื่นชอบอย่างมาก ปี 1782 ขณะที่อยู่ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม เธอได้ใช้เทคนิคและสไตล์ที่เธอพยายามพัฒนาขึ้นใหม่นี้เขียนภาพเหมือนของตัวเองชื่อภาพ Self-portrait in a Straw Hat ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบมีความงดงามสดใสนุ่มละมุนเหนือกว่าภาพที่เธอเคยเขียนมาทั้งหมด และภาพนี้ได้กลายเป็นผลงานชิ้นเอกที่สร้างชื่อเสียงให้กับเธอมากที่สุด
การเขียนภาพ Self-portrait in a Straw Hat นี้วีเฌ เลอเบริงได้แรงบันดาลใจจากภาพ Portrait of Susanna Lunden ของ Rubens ในภาพนี้นอกจากเธอจะได้แสดงถึงฝีมือการเขียนลายเส้นที่สวยงามแล้วยังได้แสดงให้เห็นถึงฝีมือการลงแปรงและการใช้สีที่พัฒนาขึ้นอย่างมาก การเลือกชุดเครื่องแต่งกายที่เรียบง่ายแต่ทันสมัยของผู้หญิงฝรั่งเศสในยุคนั้นช่วยเสริมความสง่างามของนางแบบ อีกทั้งยังเพิ่มเสน่ห์และความโดดเด่นด้วยหมวกทรงเก๋ไก๋ประดับด้วยดอกไม้หลากสีที่ช่วยเติมความสดใส ที่สำคัญเทคนิคการให้แสงและเงาในภาพที่ดูเป็นธรรมชาติและได้เพิ่มมิติความสมจริง เมื่อมารวมกับการเลือกใช้สีและฝีแปรงที่นุ่มละมุนภาพนี้จึงมีความสวยงามและโดดเด่นอย่างมาก ภาพ Self-portrait in a Straw Hat ถือเป็นภาพผู้หญิงที่สวยงามมากที่สุดและสร้างความประทับใจต่อผู้ชมมากที่สุดอีกภาพหนึ่งในประวัติศาสตร์ศิลปะ
ศิลปินคนโปรดของพระราชินีฝรั่งเศส
หลังจากเขียนภาพเหมือนอย่างเป็นทางการครั้งแรกให้กับพระราชินี Marie Antoinette ในปี 1778 แล้ววีเฌ เลอเบริงก็ถูกเรียกมาเขียนภาพให้พระราชินีเป็นประจำจนกลายเป็นศิลปินคนโปรดของพระราชินีฝรั่งเศสและทั้งคู่ยังสนิทสนมกลายเป็นเพื่อนกันอีกด้วย เธอเขียนภาพให้กับพระราชินีทั้งหมดถึง 30 ภาพภายในเวลา 6 ปี พระราชินีนั่งเป็นแบบให้เพื่อนของพระองค์เขียนภาพให้อย่างมีความสุขและมักเขียนภาพกันที่อพาร์ตเมนต์ส่วนตัวของพระราชินี ภาพที่เขียนมีทั้งการแต่งตัวที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ วีเฌ เลอเบริงยังเขียนภาพของผู้อุปถัมภ์คนสำคัญนี้ในหลากหลายสไตล์ตามความต้องการของพระองค์ ภาพเหมือนพระราชินี Marie Antoinette ที่โดดเด่นได้แก่ภาพ Marie-Antoinette with the Rose, Marie Antoinette and her Children และ Marie Antoinette in a Chemise Dress เป็นต้น
นอกจากผู้อุปถัมภ์คนสำคัญอย่างพระราชินีแล้ววีเฌ เลอเบริงยังมีลูกค้าที่เป็นบุคคลในราชวงค์และบุคคลชั้นสูงอีกมากมายซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นผู้หญิงเนื่องจากฝีมือในการเขียนภาพผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมของเธอนั่นเอง ในช่วงเวลานี้เธอจึงมีผลงานชั้นยอดออกมาจำนวนมากอย่างเช่นภาพ Madame Grand, Comtesse de la Châtre และ Portrait of Marie Gabrielle de Gramont ด้วยฝีมือการเขียนภาพเหมือนที่ยอดเยี่ยมและโดดเด่นทำให้วีเฌ เลอเบริงได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกอันทรงเกียรติของสถาบัน Royal Academy of Painting and Sculpture ในปี 1783 ซึ่งถือว่าเป็นการยอมรับในระดับชาติและเป็นเรื่องพิเศษมากสำหรับศิลปินผู้หญิงเพราะมีเพียงไม่กี่คนที่ได้รับเกียรติยิ่งใหญ่นี้ และส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอได้รับเลือกตั้งแต่อายุยังไม่มากนี้ย่อมมาจากอิทธิพลของเพื่อนของเธอที่เป็นพระราชินี
หนีภัยลามไปสร้างชื่อเสียงที่ต่างแดน
ปี 1789 เกิดการปฏิวัติฝรั่งเศสโค่นล้มระบบกษัตริย์และหลังจากมีการจับกุมครอบครัวเชื้อพระวงศ์ วีเฌ เลอเบริงซึ่งถือเป็นคนใกล้ชิดคนหนึ่งของพระราชินีกลัวว่าภัยการเมืองอาจลามมาถึงตัวจึงหนีออกจากฝรั่งเศสไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศพร้อมกับลูกสาว แต่ให้สามีที่ยังอยู่ในกรุงปารีสบอกกับคนอื่นว่าเธอไปศึกษาหาประสบการณ์เพิ่มเติมเพื่อพัฒนาตัวเอง วีเฌ เลอเบริงเดินทางไปที่อิตาลีเป็นประเทศแรกเธออาศัยอยู่ที่เมืองสำคัญของอิตาลีหลายเมืองได้แก่ กรุงโรม, ฟลอเรนซ์, เวนิส, ปาร์มา, โบโลญญา และเนเปิล ในแต่ละเมืองเธอได้เขียนภาพเหมือนของบุคคลชั้นนำแสดงให้เห็นฝีมืออันยอดเยี่ยมในสไตล์ฝรั่งเศสของเธอจนเป็นที่ยอมรับของศิลปินชั้นนำของแต่ละเมือง บางแห่งยังให้เธอเป็นสมาชิกของสถาบันหรือสมาคมศิลปินของพวกเขาด้วย ผลงานเด่นของเธอในขณะที่อยู่ในอิตาลีได้แก่ภาพ Portrait of a Young Woman, Portrait of Anna Pitt as Hebe, Head of Emma Hamilton as the Cumaean Sibyl รวมทั้งภาพเหมือนตัวเอง Self-Portrait in Uffizi
ปี 1792 วีเฌ เลอเบริงย้ายไปอยู่ที่ออสเตรียและยังคงได้รับงานเขียนภาพบุคคลสำคัญดุจเดียวกับตอนที่อยู่ในอิตาลี มีผลงานเด่นได้แก่ภาพ Portrait of Princess Karoline of Liechtenstein และ Portrait of Princess Maria Josefa Hermenegilde von Esterhazy จนถึงปี 1795 เธอจึงย้ายไปอยู่ที่รัสเซียและอยู่ที่นั่นนานถึง 6 ปี วีเฌ เลอเบริงได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากจิตรกรและบรรดาขุนนางในรัสเซีย รวมทั้งพระจักรพรรดินีแคทเธอรีนที่ 2 แห่งรัสเซียซึ่งตกลงให้เธอเขียนภาพเหมือนให้แล้วแต่ไม่ทันลงมือก็มาเสียชีวิตไปเสียก่อน อย่างไรก็ตามเธอได้เขียนภาพให้กับเจ้าหญิงในราชวงศ์หลายคนอย่างเช่น Princess Natalia Ivanovna Kourakia nee Golovina และ Princess Eudocia Ivanovna Galitzine เป็นต้น ปี 1801 วีเฌ เลอเบริงย้ายไปอยู่ที่เยอรมันระยะหนึ่งจนเมื่อคลื่นลมทางการเมืองในฝรั่งเศสเริ่มสงบและเธอสามารถเคลียร์ปัญหาประเด็นว่าเธอไม่ได้เป็นผู้ต่อต้านการปฏิวัติได้แล้วเธอจึงกลับไปฝรั่งเศสในปี 1802
จิตรกรภาพเหมือนผู้หญิงผู้โดดเด่น
การไปใช้ชีวิตอยู่ที่หลายประเทศในยุโรปเป็นเวลานานพร้อมกับสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมจำนวนมากนั้นมีส่วนทำให้ชื่อเสียงของวีเฌ เลอเบริงในฐานะจิตรกรภาพเหมือนขจรขจายกว้างขวางเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะการเขียนภาพเหมือนผู้หญิงนั้นโดดเด่นเป็นพิเศษอยู่ในระดับแถวหน้าของยุโรป เธอจึงเป็นที่ต้องการอย่างมากของพวกเชื้อพระวงศ์และขุนนางผู้ใหญ่ของหลายประเทศในยุโรป ประกอบกับเธอไม่ชอบชีวิตความเป็นอยู่ภายใต้การปกครองของนโปเลียนดังนั้นหลังจากกลับมาอยู่ที่กรุงปารีสได้ไม่นานเธอจึงเดินทางไปอังกฤษเพื่อเขียนภาพให้กับราชวงศ์อังกฤษและขุนนางคนสำคัญ จากนั้นยังเดินทางไปเขียนภาพที่สวิตเซอร์แลนด์อีกหลายครั้งก่อนที่จะกลับมาปักหลักอยู่ที่กรุงปารีสอย่างถาวร
ปี 1808 วีเฌ เลอเบริงซื้อบ้านในชนบทที่เมือง Louveciennes ในเขตชานเมืองทางตะวันตกของกรุงปารีสเพื่อใช้ชีวิตอย่างสงบสุข เธอใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่นั่นทำงานเขียนภาพทั้งภาพเหมือน ภาพทิวทัศน์ และฉากในตำนาน แต่ก็ยังไม่วายโดนพิษภัยการเมืองมาสร้างความเดือดร้อนให้อีกครั้งเมื่อถูกกองทัพปรัสเซียบุกปล้นสะดมเมือง Louveciennes ในช่วงสงครามปี 1814 จนเธอต้องหนีไปอยู่ในกรุงปารีส ช่วงบั้นปลายชีวิตวีเฌ เลอเบริงได้ตีพิมพ์หนังสือบันทึกความทรงจำของเธอจำนวน 3 เล่มระหว่างปี 1835 – 1837 เธอเสียชีวิตที่กรุงปารีสในปี 1742 ด้วยวัย 86 ปี ทิ้งมรดกทรงคุณค่าเป็นผลงานภาพเหมือนกว่า 660 ภาพและภาพทิวทัศน์อีกกว่า 200 ภาพ
สุดยอดผลงานของศิลปินหญิงคนดัง
วีเฌ เลอเบริงเป็นจิตรกรผู้หญิงที่มากพรสวรรค์มีฝีมือยอดเยี่ยมตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น แม้จะไม่ได้ผ่านการศึกษาศิลปะในสถาบันหลักอย่างศิลปินผู้ชายแต่เธอได้พัฒนาเทคนิคและสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอันโดดเด่น โดยเฉพาะการเขียนภาพเหมือนของผู้หญิงที่งดงามอย่างยิ่ง และต่อไปนี้คือส่วนหนึ่งของผลงานที่ยอดเยี่ยมของศิลปินหญิงคนดังแห่งศตวรรษที่ 18
Early Works (1770 – 1782)
Mature Period (1782 – 1789)
Exile Period (1789 – 1802)
Later Works (1802 – 1824)
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 อันเป็นช่วงรอยต่อของศิลปะยุคบาโรกกับยุคนีโอคลาสสิกที่แนวทางของศิลปะในทวีปยุโรปเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เอลีซาแบ็ต หลุยส์ วีเฌ เลอเบริง ศิลปินผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวที่ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของสถาบันหรือสมาคมศิลปะของเมืองใหญ่ในยุโรปถึง 10 เมืองถือเป็นจิตรกรผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด และเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนให้ศูนย์กลางของศิลปะโลกย้ายจากอิตาลีไปสู่ฝรั่งเศส ด้วยผลงานภาพเหมือนอันยอดเยี่ยมที่เขียนให้กับพระราชินีแห่งฝรั่งเศส สมาชิกของราชวงศ์ในยุโรป และบุคคลชั้นสูงจำนวนมากมาย เธอจึงได้รับการยกย่องเป็นจิตรกรผู้หญิงที่โดดเด่นที่สุดในยุคนีโอคลาสสิก
ข้อมูลและภาพจาก wikipedia, chateauversailles, newworldencyclopedia