เป็นที่ทราบกันดีว่าแบคทีเรียในลำไส้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดต่อสุขภาพและการเกิดโรค แบคทีเรียในลำไส้มีผลต่อการเผาผลาญ ระบบภูมิคุ้มกัน และระบบประสาท ในบางกรณีความไม่สมดุลของแบคทีเรียเหล่านี้อาจทำให้เกิดโรคและภาวะต่างๆ เช่น การขาดสารอาหาร โรคลำไส้อักเสบ โรคภูมิแพ้ โรคหัวใจ โรคอ้วน และโรคระบบประสาทส่วนกลางเสื่อม เป็นต้น แต่เรายังรู้น้อยมากเกี่ยวกับบทบาทของแบคเทอริโอเฟจที่มีต่อสุขภาพของร่างกาย ดังนั้นการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับแบคเทอริโอเฟจจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับอนาคต
ทีมวิจัยที่สถาบัน Wellcome Sanger Institute และ EMBL’s European Bioinformatics Institute (EMBL-EBI) ใช้เทคนิคการจัดลำดับดีเอ็นเอที่เรียกว่า Metagenomics ทำการตรวจสอบ วิเคราะห์ และจัดกลุ่มของไวรัสที่พบในลำไส้มากกว่า 28,000 ตัวอย่างจาก 28 ประเทศ ผลปรากฏว่ามีไวรัสมากกว่า 140,000 สายพันธุ์อาศัยอยู่ในลำไส้ของมนุษย์และกว่าครึ่งหนึ่งยังไม่เคยรู้จักหรือพบเห็นมาก่อน
“สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าไวรัสบางชนิดไม่ได้เป็นอันตราย แต่เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของระบบนิเวศในระบบทางเดินอาหาร” Dr. Alexandre Almeida หนึ่งในทีมวิจัยกล่าว “มันน่าสนใจมากที่ได้รู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้จักจำนวนกี่ชนิดอาศัยอยู่ในลำไส้ของเรา และพยายามคลี่คลายความเชื่อมโยงระหว่างพวกมันกับสุขภาพของมนุษย์”
ในบรรดาไวรัสหลายหมื่นสายพันธุ์ที่ค้นพบใหม่นี้มีอยู่ตระกูลหนึ่ง (กลุ่มที่มีบรรพบุรุษร่วมกัน) ที่พบอย่างแพร่หลายมาก ทีมวิจัยเรียกไวรัสกลุ่มนี้ว่า Gubaphage พวกเขาพบว่า Gubaphage เป็นไวรัสที่แพร่ระบาดมากที่สุดเป็นอันดับสองในลำไส้ของมนุษย์รองจากกลุ่ม crAssphage ซึ่งถูกค้นพบในปี 2014 ไวรัสทั้งสองชนิดนี้ดูเหมือนจะติดเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินอาหารของมนุษย์ประเภทเดียวกัน แต่หากไม่มีการวิจัยเพิ่มเติมก็ยากที่จะทราบถึงหน้าที่ที่แน่นอนของ Gubaphage ที่เพิ่งค้นพบ
ทีมวิจัยได้เผยแพร่จีโนมของไวรัสที่ติดเชื้อในแบคทีเรียหรือแบคเทอริโอเฟจเหล่านี้ในฐานข้อมูลใหม่ที่พวกเขาสร้างขึ้นที่เรียกว่า “Gut Phage Database” ซึ่งสามารถใช้เป็นแนวทางในการศึกษาไวรัสเหล่านี้เพิ่มเติมได้
“การวิจัยแบคเทอริโอเฟจกำลังเข้าสู่ช่วงยุคฟื้นฟูใหม่ ฐานข้อมูลไวรัสในลำไส้ของมนุษย์ที่มีคุณภาพสูงถูกจัดทำขึ้นในเวลาที่เหมาะสมเพื่อใช้เป็นแนวทางในการวิเคราะห์ทางนิเวศวิทยาและวิวัฒนาการในการศึกษาไวรัสในอนาคต” Dr Trevor Lawley หัวหน้าทีมวิจัยกล่าว “เราเชื่อว่าการศึกษาองค์ประกอบทางพันธุกรรมที่โดดเด่นหลายๆอย่างจะทำให้เราเข้าใจความสัมพันธ์ของไวรัสในลำไส้ที่มีต่อสุขภาพและ การเกิดโรคได้ในที่สุด”
ข้อมูลและภาพจาก sanger.ac.uk, medicalnewstoday