แจ็กสัน พอลล็อก ศิลปินขี้เมาผู้เปลี่ยนโฉมหน้าศิลปะสมัยใหม่ด้วยเทคนิคหยดสี

แจ็กสัน พอลล็อก (Jackson Pollock) เป็นจิตรกรผู้มีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในยุคศิลปะสมัยใหม่ เขาเป็นเจ้าของสไตล์การเขียนภาพด้วยเทคนิคหยดสี (Drip painting) อันลือลั่นซึ่งนำไปสู่การเขียนภาพแนวใหม่ที่กลายเป็นส่วนหนึ่งในลัทธิสำแดงพลังอารมณ์แนวนามธรรม (Abstract Expressionism) ผลงานภาพ Number 5 ของเขาเคยเป็นภาพที่มีราคาแพงที่สุดในโลก ขณะที่ภาพ Number 17A มีราคาสูงถึง 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐอันแสดงถึงความโด่งดังระดับแถวหน้าของโลก แต่ชีวิตส่วนตัวเขามีปัญหาค่อนข้างมากเนื่องจากเขาติดดื่มสุราอย่างหนักและสุดท้ายต้องเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เพราะเมาแล้วขับ พอลล็อกถือเป็นขุนพลคนสำคัญของศิลปะสมัยใหม่ในศตวรรษที่ 20

 
จิตรกรหนุ่มสำมะเลเทเมาอนาคตมืด

jackson-pollock-early-works-01

 
แจ็กสัน พอลล็อก เป็นชาวอเมริกัน เกิดเมื่อปี 1912 ที่เมืองโคดี้ รัฐไวโอมิง ประเทศสหรัฐอเมริกา ครอบครัวของพอลล็อกย้ายบ้านบ่อยมากเขาจึงเติบโตที่หลายเมืองในรัฐแอริโซนาและรัฐแคลิฟอร์เนีย ตอนอายุ 16 ปีครอบครัวย้ายไปอยู่ที่เมืองลอสแอนเจลิส พอลล็อกได้เข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมของที่นั่นแต่เขาไม่ใส่ใจการเรียนถูกไล่ออกถึง 2 ครั้ง ระหว่างนี้เขาพบว่าตัวเองชื่นชอบในศิลปะโดยเฉพาะการเขียนภาพ เขาได้เรียนพื้นฐานการเขียนภาพกับครูศิลปะคนหนึ่งที่โรงเรียนผู้แนะนำให้เขาได้รู้จักกับศิลปะสมัยใหม่ซึ่งกำลังมาแรงในทวีปยุโรป พอลล็อกคิดจะเอาดีทางด้านนี้จึงย้ายไปอยู่กับพี่ชายซึ่งกำลังเรียนศิลปะอยู่ที่กรุงนิวยอร์กในปี 1930

พอลล็อกเข้าเรียนศิลปะที่โรงเรียนเดียวกับพี่ชาย เขาเรียนกับจิตรกรเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนัง Thomas Hart Benton อยู่ราวสองปีครึ่งจึงออกจากโรงเรียนในช่วงต้นปี 1933 พอลล็อกผ่านชีวิตช่วงนี้อย่างยากลำบากเขายังไม่มีรายได้ต้องอาศัยพี่ชายอยู่ไปก่อน อีกทั้งยังเป็นช่วงที่เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ หางานทำยากมากและแทบไม่ต้องคิดเรื่องเขียนภาพออกขายเพราะไม่มีใครซื้อโดยเฉพาะมือใหม่อย่างเขา จนถึงปี 1935 เขาจึงได้ทำงานเป็นจิตรกรเขียนภาพในโครงการ WPA Federal Art Project ซึ่งรัฐบาลให้ทุนมาจ้างศิลปินสร้างผลงานเป็นการช่วยเหลือให้บรรดาศิลปินชาวอเมริกันราว 10,000 คนได้มีงานทำในช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ การได้เป็นจิตรกรในโครงการนี้ช่วยให้พอลล็อกมีรายได้พอประทังชีวิตไปได้และเป็นโอกาสอันดีในการพัฒนาฝีมือการเขียนภาพด้วย

พอลล็อกเริ่มดื่มเหล้ามาตั้งแต่เป็นวัยรุ่นและดื่มจัดขึ้นเป็นลำดับ แม้กระทั่งถึงช่วงที่เขามีงานทำประจำไม่ได้มีเวลาว่างมากมายอย่างตอนเป็นวัยรุ่นเขาก็ยังไม่เพลาการดื่มลงเลย ตามปกติพอลล็อกเป็นคนสุภาพอ่อนโยนแต่ในยามเมาเขากลับเปลี่ยนเป็นคนก้าวร้าวชอบโวยวายและทำอะไรแผลงๆ มีบางคนชอบเลี้ยงเหล้าเขาเพียงเพื่อต้องการเห็นเขาเป็นตัวตลกตอนเมา การดื่มจัดของพอลล็อกเริ่มส่งผลร้ายแรงต่อตัวเขาเอง ในปี 1938 เขามีอาการทางประสาทจนต้องเข้ารับการรักษาทางจิตเวชสำหรับโรคพิษสุราเรื้อรังโดยเข้ารับการบำบัดในสถาบันนาน 4 เดือน และเขายังได้รับการบำบัดจิตเชิงวิเคราะห์แบบจุงเกียน (ตามแนวคิดของ Carl Gustav Jung นักจิตวิทยาชื่อดัง) อย่างต่อเนื่องอีกหลายปี แพทย์ผู้รักษาได้ใช้การเขียนภาพของเขาเป็นส่วนหนึ่งในการบำบัดจิตด้วย พอลล็อกได้นำรูปสัญลักษณ์ตามแนวคิดแบบจุงเกียนไปใส่ไว้ในภาพเขียนของเขาหลายชิ้น ผลงานสำคัญในช่วงเวลานี้ได้แก่ ภาพ The Flame, Bird , Male and Female , และ Guardians of the Secret เป็นต้น

 
ชีวิตกลับตาลปัตรเมื่อนางฟ้ามาโปรด

jackson-pollock-development-period-04

 
ปี 1939 พอลล็อกได้ร่วมชมนิทรรศการศิลปะของ Pablo Picasso ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ (MoMA) ในกรุงนิวยอร์ก ผลงานของศิลปินดังแห่งยุคชาวสเปนคนนี้ รวมทั้งผลงานของ Joan Miró ศิลปินดังชาวสเปนและ José Clemente Orozco จิตรกรภาพ-ฝาผนังชาวเม็กซิกันมีอิทธิพลต่อแนวทางการเขียนภาพของพอลล็อกมิใช่น้อย เขาได้พัฒนาการเขียนภาพที่เป็นสไตล์ของตัวเองมากขึ้น แต่ดูเหมือนผลงานของเขายังไม่โดดเด่นมากพอจนกระทั่งเขาได้พบกับจิตรกรผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ Lee Krasner ในนิทรรศการซึ่งทั้งคู่มีผลงานร่วมแสดงด้วยกัน Krasner ชื่นชอบในผลงานของพอลล็อกมากถึงกับตามไปคุยกับเขาที่อพาร์ทเมนท์ ทั้งคู่กลายเป็นคู่รักกันในเวลาไม่นานและเป็นเธอคนนี้ที่ทำให้ชีวิตของพอลล็อกเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากทั้งในด้านชีวิตส่วนตัวและผลงานภาพเขียน พอลล็อกสร้างผลงานสำคัญหลายชิ้นในช่วงเวลานี้ได้แก่ภาพ Mural, The She-Wolf และ Stenographic Figure

พอลล็อกแต่งงานกับ Krasner ในปี 1945 โดยมีเงื่อนไขว่าเขาต้องเลิกดื่มเหล้าเด็ดขาดซึ่งเขายอมรับเงื่อนไขและสามารถเลิกดื่มได้จริงๆ นั่นเป็นปัจจัยอย่างหนึ่งที่ทำให้พอลล็อกสามารถเขียนภาพได้ดีขึ้น แต่ที่สำคัญมากกว่าคือตัว Krasner เอง เธอมีความรอบรู้ด้านศิลปะและเทคนิคสมัยใหม่ซึ่งช่วยนำพาพอลล็อกไปสู่สิ่งที่ศิลปะร่วมสมัยควรจะเป็น เธอแนะนำเขาด้วยหลักการที่โดดเด่นของการเขียนภาพสมัยใหม่ช่วยให้เขาสามารถพัฒนาสไตล์ให้เข้ากับศิลปะสมัยใหม่ที่เป็นสากลมากขึ้น เธอจะเป็นคนคอยบอกเขาว่าแบบไหนดีแบบไหนไม่ดีและพอลล็อกก็เชื่อมั่นในสายตาของเธอ นอกจากนี้เธอยังเป็นคนแนะนำให้เขารู้จักกับนักสะสมศิลปะ นักวิจารณ์ และศิลปินหลายคน จิตรกรโนเนมอย่างเขาจึงเริ่มเป็นที่สนใจในวงการศิลปะ หลังแต่งงานทั้งคู่ย้ายออกไปซื้อบ้านอยู่ที่เมือง East Hampton บนเกาะ Long Island นอกกรุงนิวยอร์กใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในชนบทท่ามกลางธรรมชาติ พอลล็อกได้เปลี่ยนโรงนาเป็นสตูดิโอเขียนภาพและพัฒนาเทคนิคใหม่ที่สั่นสะเทือนวงการ

 
เปลี่ยนโฉมหน้าศิลปะด้วยเทคนิคหยดสี

jackson-pollock-drip-period-01

 
วันหนึ่งพอลล็อกทำกระป๋องสีล้มใส่ภาพที่เขากำลังเขียนทำให้เขาเกิดความคิดที่จะเขียนภาพแบบใหม่ขึ้น โดยแทนที่จะใช้พู่กันหรือแปรงจุ่มสีแล้วไปทาลงบนผืนผ้าใบที่ขึงกับเฟรมวางตั้งบนขาตั้งซึ่งเป็นการเขียนภาพขณะที่ผ้าใบอยู่ในแนวตั้ง เขาเปลี่ยนเป็นปูผ้าใบกับพื้นแล้วเทสีจากกระป๋องสีลงบนผ้าใบหรือใช้แปรงจุ่มสีแล้วนำมาหยดลงบนผ้าใบสร้างเป็นภาพที่เขาต้องการ การเขียนภาพโดยวิธีนี้ต่อมาถูกเรียกว่า “Drip painting technique” หรือเทคนิคหยดสี และในขณะเขียนภาพเขาจะเดินไปรอบๆผืนผ้าใบทำการหยดสีเพื่อสร้างองค์ประกอบของภาพด้วยลีลาท่าทางที่เป็นอิสระซึ่งช่วยให้เขาสามารถถ่ายทอดพลังอารมณ์ตามจิตสำนึกออกมาได้อย่างเต็มที่ การเขียนภาพของเขาที่ดูเหมือนเป็นการแสดงนี้จึงถูกเรียกในเวลาต่อมาว่า “Action painting” ซึ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งในลัทธิสำแดงพลังอารมณ์แนวนามธรรม (Abstract Expressionism)

ผลงานที่แปลกแตกต่างแต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่นมากๆจากเทคนิคหยดสีของพอลล็อกได้เริ่มทะยอยออกสู่สายตาของผู้ชม ในช่วงสามสี่ปีนับตั้งแต่ปี 1947 ที่เขาเริ่มใช้เทคนิคหยดสีพอลล็อกได้สร้างผลงานที่โดดเด่นออกมาจำนวนมากจนกลายเป็นดาวเด่นคนหนึ่งในวงการศิลปะสมัยใหม่ โดยเฉพาะผลงานชิ้นเอกอย่างเช่นภาพ Number 5 ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นภาพที่ราคาแพงที่สุดในโลก 140 ล้านดอลลาร์เมื่อปี 2006 และภาพ Number 17A ที่มีราคาสูงถึง 200 ล้านดอลลาร์จากการขายเมื่อปี 2015 รวมทั้งภาพที่ยอดเยี่ยมอื่นๆอีกจำนวนมาก เช่น Full Fathom Five, Autumn Rhythm (Number 30) และ One: Number 31 (1950) เป็นต้น ผลงานเหล่านี้ได้สร้างชื่อเสียงให้กับพอลล็อกจนกลายเป็นจิตรกรชั้นนำของประเทศ โดยเฉพาะหลังจากที่นิตยสาร Life ได้ลงเรื่องราวพอลล็อกพร้อมกับคำถามที่ว่า “เขาเป็นจิตรกรที่ยังมีชีวิตอยู่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาหรือไม่?”

 
ชีวิตวุ่นวายสุดท้ายตายด้วยฤทธิ์น้ำเมา

jackson-pollock-later-years-04

 
ชื่อเสียงของพอลล็อกขึ้นจุดสูงสุดเขากลายเป็นศิลปินระดับโลก มีนิทรรศการแสดงผลงานของเขาทั้งที่สหรัฐอเมริกาและในยุโรปอีกหลายที่ หลังปี 1951 เขาเลิกใช้สีสันสดใสหันไปใช้สีเข้มๆและสีดำเป็นองค์ประกอบหลักในภาพอยู่ระยะหนึ่งซึ่งปรากฏว่าไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่เขาจึงกลับไปใช้สีสดใสแบบเดิม ผลงานเด่นในช่วงนี้ได้แก่ภาพ Convergence, The Deep และ Blue Poles เป็นต้น ความสำเร็จชื่อเสียงเงินทองและอาจรวมถึงความกดดันจากความคาดหวังในผลงานชิ้นใหม่ทำให้พอลล็อกหันไปใช้ชีวิตเหลวแหลกแบบเดิมอีกครั้ง เขากลับไปดื่มจัดจนส่งผลให้โรคพิษสุราเรื้อรังกลับมาใหม่และยังแอบคบหากับผู้หญิงอื่นทำให้มีปัญหากับ Krasner ผู้เป็นภรรยาที่เริ่มรับไม่ได้กับพฤติกรรมของสามี

ปี 1955 พอลล็อกเขียนภาพแค่ 2 ภาพ ปี 1956 เขาไม่ได้เขียนภาพเลย ในเดือนสิงหาคมปีนั้นขณะที่ Krasner เดินทางไปเยี่ยมเพื่อนที่ยุโรปพอลล็อกซึ่งเมาแอ๋ขับรถพาแฟนสาวคนใหม่ออกจากบ้านไปได้กิโลเมตรเดียวก็เกิดอุบัติเหตุรถพุ่งชนต้นไม้ แฟนสาวรอดชีวิตแต่ตัวเขาตายคาที่จบชีวิตพลิกผันมากสีสันไปด้วยวัยเพียง 44 ปีทิ้งให้นางฟ้าประจำตัวของเขาต้องอยู่กับความเศร้าไปตลอดชีวิต Krasner จัดการขายภาพเขียนของพอลล็อกโดยกระจายไปตามพิพิธภัณฑ์ต่างๆอย่างเหมาะสมและคอยรักษาชื่อเสียงของเขาให้มั่นคงท่ามกลางกระแสโลกศิลปะที่เปลี่ยนแปลงไป ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตเธอได้จัดตั้งมูลนิธิ Pollock-Krasner เพื่อให้เงินสนับสนุนแก่ศิลปินหนุ่มรุ่นใหม่ที่มีแววดี

 
ศิลปินผู้ทรงอิทธิพลแห่งศตวรรษที่ 20

jackson-pollock-drip-period-04

 
แม้ว่าช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ของพอลล็อกจะมีเพียงไม่กี่ปีแต่ผลงานของเขากลับมีอิทธิพลต่อวงการศิลปะเป็นอย่างมากทั้งในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก เขาได้รับการยกย่องให้เป็นขุนพลคนสำคัญของศิลปะสมัยใหม่ในศตวรรษที่ 20 ภาพเขียนที่แปลกประหลาดดูไม่รู้เรื่องแต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่มีใครเหมือนของเขาจากที่ครั้งหนึ่งเคยถูกวิจารณ์ว่า “นี่ไม่ใช่ศิลปะแต่เป็นเรื่องตลกของคนรสนิยมต่ำ” กลายเป็นภาพเขียนซึ่งเป็นที่ต้องการของนักสะสมอย่างยิ่ง ภาพเขียนของพอลล็อกมีราคาซื้อขายแพงลิบลิ่วระดับหลายล้านดอลลาร์แทบทุกภาพ แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ฮือฮาเหลือเชื่อขึ้นเมื่อมีผู้หญิงคนหนึ่งซื้อภาพเขียนของพอลล็อกในราคาเพียง 5 ดอลลาร์เท่านั้น

ในปี 1992 Teri Horton อดีตคนขับรถเทรลเลอร์ชาวแคลิฟอร์เนียซื้อภาพเขียนภาพหนึ่งในราคา 5 ดอลลาร์เพื่อเป็นของขวัญให้เพื่อน แต่ภาพดังกล่าวไม่ตรงกับความต้องการของเพื่อนเธอจึงตัดสินใจนำไปขาย บังเอิญครูสอนศิลปะคนหนึ่งไปเห็นภาพเข้าจึงบอกกับเธอว่าภาพนี้อาจเป็นผลงานของแจ็กสัน พอลล็อก ด้วยความที่เธอไม่รู้จักจึงพูดขึ้นตามสไตล์ของเธอว่า “ใครวะแม่งคือแจ็กสัน พอลล็อก” จากนั้นเธอจึงค้นหาข้อมูลและจ้างผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์จนได้ข้อสรุปว่าเป็นภาพต้นฉบับของแจ็กสัน พอลล็อกจริงๆ ภาพเขียนที่เธอซื้อมาในราคา 5 ดอลลาร์จึงกลายเป็นมีมูลค่ามหาศาล เธอปฏิเสธข้อเสนอซื้อที่ราคา 2 ล้านดอลลาร์และที่ราคา 9 ล้านดอลลาร์ไป เธอยืนยันว่าไม่ได้โลภแต่ต้องการราคาที่ “ยุติธรรม” เท่านั้น ซึ่งมีคนคาดว่าน่าจะอยู่ที่ 50 ล้านดอลลาร์ แต่จนกระทั่งเธอเสียชีวิตไปภาพเขียนดังกล่าวก็ไม่ได้ถูกขายออกไป

ผลงานของพอลล็อกมิได้มีอิทธิพลเฉพาะในแวดวงจิตรกรรมในยุคศิลปะสมัยใหม่เท่านั้นมันยังลามไปถึงวงการศิลปะแขนงอื่นด้วย ผลงานและสไตล์ของเขาถูกนำไปใช้เป็นส่วนหนึ่งในปกอัลบั้มเพลงของวงดนตรีชั้นนำหลายวง เรื่องราวชีวิตที่เต็มไปด้วยสีสันของเขาถูกนำไปเขียนเป็นหนังสือเรื่อง Jackson Pollock: An American Saga ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์สาขาหนังสือชีวประวัติประจำปี 1991 รวมทั้งมีการสร้างภาพยนตร์ชีวประวัติของเขาอีกหลายครั้ง ศิลปินขี้เมาคนหนึ่งที่เป็นผู้เปลี่ยนโฉมหน้าศิลปะสมัยใหม่ด้วยเทคนิคหยดสีที่เขาคิดค้นขึ้นมาจึงกลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลของศิลปะสมัยใหม่ในศตวรรษที่ 20 ตัวจริงสมฉายา “Jack the Dripper” ที่นิตยสาร Time ตั้งให้ในปีเดียวกับที่เขาเสียชีวิต

 
ผลงานเปี่ยมพลังอารมณ์ของศิลปินขี้เมา

พอลล็อกเป็นจิตรกรที่สนใจในศิลปะสมัยใหม่ตั้งแต่แรก เขาศึกษาเรียนรู้และพัฒนาการเขียนภาพในแนวศิลปะสมัยใหม่มาโดยตลอดก่อนจะประสบความสำเร็จกับการคิดค้นพัฒนาวิธีเขียนภาพด้วยเทคนิคหยดสี ภาพเขียนของเขาเป็นแนวนามธรรมที่มุ่งแสดงพลังอารมณ์ผ่านทางสัญลักษณ์หลายรูปแบบ โดยเฉพาะภาพเขียนที่ใช้เทคนิคหยดสีนั้นมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นอย่างยิ่ง และต่อไปนี้คือส่วนหนึ่งของผลงานที่เปี่ยมไปด้วยพลังอารมณ์ของศิลปินขี้เมาคนนี้

Early Works (1934 – 1941)

jackson-pollock-early-works-01

The Flame

jackson-pollock-early-works-02

Bird

jackson-pollock-early-works-03

Naked Man with Knife

jackson-pollock-early-works-04

Mask

jackson-pollock-early-works-05

Head

jackson-pollock-early-works-06

Figures in a Landscape

jackson-pollock-early-works-07

Landscape with Steer

jackson-pollock-early-works-08

Birth

jackson-pollock-early-works-09

Going West

Development Period (1941 – 1947)

jackson-pollock-development-period-01

Mural

jackson-pollock-development-period-02

Shimmering Substance

jackson-pollock-development-period-03

Composition with Pouring II

jackson-pollock-development-period-04

The She-Wolf

jackson-pollock-development-period-05

Blue (Moby Dick)

jackson-pollock-development-period-06

Eyes in the Heat

jackson-pollock-development-period-07

Stenographic Figure

jackson-pollock-development-period-08

Guardians of the Secret

jackson-pollock-development-period-09

The Moon-Woman Cuts the Circle

jackson-pollock-development-period-10

Pasiphae

jackson-pollock-development-period-11

Silver Over Black, White, Yellow, and Red

jackson-pollock-development-period-12

Male and Female

jackson-pollock-development-period-13

There Were Seven in Eight

jackson-pollock-development-period-14

Moon Woman

jackson-pollock-development-period-15

Croaking Movement

Drip Period (1947 – 1950)

jackson-pollock-drip-period-01

Number 5

jackson-pollock-drip-period-02

Full Fathom Five

jackson-pollock-drip-period-03

Number 1 (Lavender Mist)

jackson-pollock-drip-period-04

Number 17A

jackson-pollock-drip-period-05

Reflection of the Big Dipper

jackson-pollock-drip-period-06

Autumn Rhythm (Number 30)

jackson-pollock-drip-period-07

Number 1A

jackson-pollock-drip-period-08

Enchanted Forest

jackson-pollock-drip-period-09

One: Number 31

jackson-pollock-drip-period-10

Mural on Indian Red Ground

jackson-pollock-drip-period-11

Sea Change

jackson-pollock-drip-period-12

Number 1

jackson-pollock-drip-period-13

Number 8

jackson-pollock-drip-period-14

Cathedral

jackson-pollock-drip-period-18

Green Silver

jackson-pollock-drip-period-16

Number One

jackson-pollock-drip-period-20

Undulating Paths

jackson-pollock-drip-period-15

Alchemy

jackson-pollock-drip-period-19

Lucifer

jackson-pollock-drip-period-17

Number 18

jackson-pollock-drip-period-21

Number 12

jackson-pollock-drip-period-22

Out of the Web

jackson-pollock-drip-period-23

Number 3

jackson-pollock-drip-period-24

Summertime: Number 9A

Later Years (1950 – 1956)

jackson-pollock-later-years-01

Convergence

jackson-pollock-later-years-02

The Deep

jackson-pollock-later-years-03

Ocean Greyness

jackson-pollock-later-years-04

Blue Poles (Number 11)

jackson-pollock-later-years-05

Number 4

jackson-pollock-later-years-06

Echo: Number 25

jackson-pollock-later-years-07

White Light

jackson-pollock-later-years-08

Greyed Rainbow

jackson-pollock-later-years-09

Yellow Islands

jackson-pollock-later-years-10

Easter and the Totem

jackson-pollock-later-years-11

Number 2

jackson-pollock-later-years-12

Portrait and a Dream

แจ็กสัน พอลล็อกเป็นศิลปินชาวอเมริกันที่โดดเด่นที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ ผลงานของเขามีอิทธิพลอย่างมากต่อการเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของศิลปะสมัยใหม่ การเขียนภาพด้วยเทคนิคหยดสีและสไตล์เฉพาะตัวที่เรียกว่า “Action painting” ของเขาเป็นส่วนสำคัญในลัทธิสำแดงพลังอารมณ์แนวนามธรรมที่มีบทบาทอย่างสูงในยุคศิลปะสมัยใหม่ และด้วยผลงานที่โดดเด่นของเขานี่เองที่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ส่งผลให้ศูนย์กลางของศิลปะสมัยใหม่เคลื่อนย้ายจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสมาอยู่ที่กรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน

jackson-pollock-02

 

ข้อมูลและภาพจาก wikipedia, learnodo-newtonic, jackson-pollock.org

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *