จิตรกรหนุ่มค้นหาเส้นทางศิลปะใหม่
อันนิบาเล คารัคชี เป็นชาวอิตาลี เกิดเมื่อปี 1560 ที่เมืองโบโลนญ่า เมืองใหญ่ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลีตั้งอยู่ระหว่างเมืองฟลอเรนซ์กับเมืองเวนิส อันนิบาเลเรียนการเขียนภาพกับ Agostino พี่ชายและ Ludovico ญาติผู้พี่ซึ่งทั้งสองคนนี้เป็นลูกศิษย์ของ Prospero Fontana จิตรกรคนสำคัญของเมืองโบโลนญ่าตอนปลายของยุคเรอเนสซองส์ ในช่วงต้นทศวรรษ 1580 สามพี่น้องคารัคชีตระเวนไปศึกษาผลงานของศิลปินชั้นครูตามเมืองสำคัญทางตอนเหนือของอิตาลีได้แก่ฟลอเรนซ์ ปาร์มา และเวนิส เมื่อกลับมาโบโลนญ่าก็ได้เปิดสตูดิโอเขียนภาพของพวกเขาขึ้น ตั้งชื่อสำนักว่า Accademia degli Incamminati มีความหมายสะท้อนปณิธานมุ่งมั่นค้นหาเส้นทางศิลปะใหม่ สำนักของพวกเขาถือเป็นหนึ่งในสถาบันศิลปะแห่งแรกๆของอิตาลี
อันนิบาเลเป็นจิตรกรที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในบรรดาสามพี่น้องคารัคชี ในวัยแค่ยี่สิบต้นๆเขาได้เริ่มสร้างสรรค์ศิลปะแนวใหม่ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นและแตกต่างจากศิลปินอื่นทั้งสไตล์การเขียนและเรื่องราวที่นำเสนอ ในยุคนั้นศิลปินส่วนใหญ่มักจะสร้างผลงานในแนวศาสนาหรือแนวเรื่องจากตำนาน แต่อันนิบาเลกลับเขียนภาพที่แสดงวิถีชีวิตประจำวันของผู้คนด้วยสไตล์ที่แปลกตาแตกต่างจากที่เคยมี กลายเป็นผลงานที่โดดเด่นและน่าประทับใจ ผลงานสำคัญในการสร้างสรรค์ศิลปะแนวใหม่นี้ได้แก่ภาพ The Beaneater, The Butcher’s Shop และ Two Children Teasing a Cat เป็นต้น
สร้างชื่อด้วยสไตล์ที่เป็นของตัวเอง
สามพี่น้องคารัคชีได้พัฒนาสไตล์การเขียนภาพโดยการผสมผสานจุดเด่นของศิลปินจากหลายเมือง โดยให้ความสำคัญกับการร่างภาพลายเส้นในสไตล์ของชาวฟลอเรนซ์แบบเดียวกับ Raphael เจ้าชายจิตรกรยุคเรอเนสซองส์ผู้โด่งดัง และนิยมเลือกใช้สีที่เป็นประกายและเส้นขอบของวัตถุที่บางเบาในสไตล์ของ Titian ศิลปินคนสำคัญของชาวเวนิส การพัฒนาสไตล์การเขียนภาพของสามพี่น้องคารัคชีทำให้ศิลปะของชาวโบโลนญ่าที่เรียกว่า Bolognese School กลับมาสู่ความรุ่งเรืองอีกครั้ง ในช่วงแรกที่ทำงานในเมืองบ้านเกิดสามพี่น้องมักทำงานร่วมกันจนยากจะแยกแยะว่าผลงานชิ้นไหนเป็นของใคร สำหรับอันนิบาเล เมื่อมารับงานในแนวศาสนาอันเป็นกระแสหลักเขาก็สามารถทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม มีผลงานสำคัญในช่วงเริ่มต้นอาชีพได้แก่ภาพ Pietà with Saints Clare, Francis and Mary Magdalene, Crucifixion with Saints และภาพ Baptism of Christ
ความโดดเด่นในพรสวรรค์และฝีมืออันยอดเยี่ยมของอันนิบาเล คารัคชีปรากฏชัดยิ่งขึ้นหลังปี 1587 เขาเริ่มมีชื่อเสียงและได้รับงานนอกเมืองบ้านเกิดมากขึ้น อันนิบาเลทำงานในแถบเมืองปาร์มา เวนิส และโบโลนญ่าอยู่หลายปีพร้อมกับสร้างผลงานชั้นยอดออกมาจำนวนมาก ผลงานเด่นในช่วงนี้ได้แก่ภาพ Madonna and Child with Saints, ภาพ Venus, Adonis, and Cupid และภาพ Venus with a Satyr and Cupids เป็นต้น นอกจากการเขียนภาพสีน้ำมันบนผ้าใบแล้วสามพี่น้องคารัคชียังเชี่ยวชาญในการเขียนภาพปูนเปียก (Fresco) อีกด้วยและส่วนใหญ่ก็จะทำงานร่วมกัน ด้วยฝีมือการเขียนภาพอันยอดเยี่ยมและความเชี่ยวชาญในการเขียนภาพปูนเปียกทำให้ชื่อเสียงของอันนิบาเล คารัคชีโด่งดังไปถึงเมืองหลวง และในปี 1595 เขาก็ได้รับเลือกให้ไปทำงานชิ้นใหญ่ที่กรุงโรมซึ่งกลายเป็นผลงานชิ้นเอกที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา
ผลงานชิ้นเอกเยี่ยมที่สุดในศตวรรษ
พระคาร์ดินัล Odoardo Farnese หลานของพระสันตปาปา Paul III ผู้ชื่นชอบในงานศิลปะต้องการตกแต่งพระราชวัง Palazzo Farnese ในกรุงโรมได้ว่าจ้างให้อันนิบาเล คารัคชีทำงานใหญ่มากชิ้นนี้ ส่วนสำคัญที่สุดเป็นการเขียนภาพปูนเปียกบนผนังและเพดานโค้งของห้องโถงใหญ่ อันนิบาเลและทีมงานที่มี Agostino พี่ชายของเขารวมอยู่ด้วยมาถึงกรุงโรมปลายปี 1595 พวกเขาเริ่มเขียนภาพในห้องเล็กๆก่อนในขณะที่อันนิบาเลเตรียมงานออกแบบและเขียนภาพสเก็ตช์สำหรับห้องโถงใหญ่นับร้อยภาพ การเขียนภาพในห้องโถงใหญ่เริ่มในปี 1597 เสร็จสมบูรณ์ในปี 1608 อันนิบาเลใช้เวลาทำงานชิ้นนี้มากกว่า 10 ปีแต่ผลงานที่ออกมางดงามยิ่งใหญ่สมความตั้งใจ
อันนิบาเลนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับความรักของเทพเจ้าเป็นภาพชุด The Loves of the Gods ประกอบด้วยภาพย่อยทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กหลายสิบภาพ แต่ละภาพเป็นฉากที่นำมาจากบทกวีและตำนานของเทพนิยายกรีกและโรมัน ภาพใหญ่ที่สุดตรงกลางหลังคาโค้งคือภาพ The Triumph of Bacchus and Ariadne ตลอดศตวรรษที่ 17 และ 18 ภาพเขียนปูนเปียกบนเพดานห้องโถงของพระราชวัง Palazzo Farnese ได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพปูนเปียกที่ยอดเยี่ยมที่สุดไม่มีใครเทียบได้ รวมทั้งในด้านการออกแบบและกระบวนการทางเทคนิคของการทำงาน โดยเฉพาะภาพสเก็ตช์นับร้อยภาพที่อันนิบาเลจัดเตรียมสำหรับการเขียนภาพบนเพดานนั้นได้กลายเป็นขั้นตอนพื้นฐานในการเขียนภาพประวัติศาสตร์
ฝีมือที่ยอดเยี่ยมในหลากหลายแนว
อันนิบาเล คารัคชีเริ่มต้นสร้างความโดดเด่นด้วยการเขียนภาพวิถีชีวิตประจำวันของชาวบ้าน จากนั้นจึงเขียนภาพเกี่ยวกับศาสนาอันเป็นแนวมาตรฐานของจิตรกรอาชีพยุคนั้น โดยเขาได้พัฒนาสไตล์ Bolognese School ร่วมกับญาติผู้พี่ทั้งสอง ต่อมาได้เขียนภาพปูนเปียกทั้งในแนวศาสนาและแนวเรื่องจากตำนานอันนำมาซึ่งผลงานชิ้นเอกหลายชิ้น อันนิบาเลยังเป็นจิตรกรที่เขียนภาพภูมิทัศน์ได้ยอดเยี่ยมอีกด้วยแม้เขาไม่ค่อยได้เขียนบ่อยนัก ภาพ River Landscape ถือเป็นผลงานชิ้นเยี่ยมในแนวนี้ รวมถึงภาพ Landscape with the Flight into Egypt ที่เขียนช่วงที่อยู่ในกรุงโรม นอกจากนี้เขายังเขียนภาพเหมือนได้ดีอีกด้วยอย่างเช่นภาพ Self-Portrait in Profile และ Portait of Giacomo Filippo Turrini เป็นต้น
ระหว่างที่ทำงานชิ้นใหญ่ที่พระราชวัง Palazzo Farnese อันนิบาเลได้ทำงานเขียนภาพอื่นไปด้วยอีกมากมายมีผลงานที่โดดเด่นได้แก่ภาพ Lord, whither goest thou?, Assumption of the Virgin, The Dead Christ Mourned และ The Choice of Hercules เป็นต้น หลังจากเสร็จงานสำคัญที่สุดในชีวิตที่พระราชวัง Palazzo Farnese แล้วอันนิบาเลแทบจะไม่ได้เขียนภาพอื่นใดอีกเลย เขาเสียชีวิตในปี 1609 มีอายุ 48 ปี ร่างของเขาถูกฝังอยู่ในวิหารแพนธีออนแห่งกรุงโรมใกล้กับร่างของ Raphael ตามที่เขาปรารถนา
จิตรกรผู้เป็นรากเหง้าศิลปะยุคบาโรก
อันนิบาเล คารัคชีเป็นจิตรกรผู้สร้างสรรค์สไตล์การเขียนภาพแนวใหม่ที่แตกต่างไปจากยุคเรอเนสซองส์ โดยเฉพาะลักษณะหน้าตาและท่วงท่าของร่างกายที่ดูเคลื่อนไหวมีชีวิตชีวาบ่งบอกความรู้สึกและอารมณ์ที่ชัดเจน ผลงานของเขาถือเป็นรากเหง้าและต้นแบบของศิลปะในยุคบาโรก อันนิบาเลเป็นจิตรกรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่ง และอาจเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในยุคนั้นก็ได้หากมิได้ปรากฏจิตรกรดาวรุ่งยอดฝีมืออย่าง Caravaggio ซึ่งกำลังโด่งดังสุดขีดในช่วงที่อันนิบาเลกำลังเขียนภาพบนเพดานที่พระราชวัง Palazzo Farnese อยู่พอดี
สไตล์การเขียนภาพของ Caravaggio แตกต่างจากอันนิบาเลค่อนข้างมาก ภาพของอันนิบาเลจะสว่างสดใสมีความพริ้วไหวมากกว่าในขณะที่ภาพ Caravaggio ค่อนข้างมืดและเคร่งขรึมแต่จะโดดเด่นมากในเทคนิคแสงเงาที่เพิ่มมิติและสร้างอารมณ์ได้อย่างยอดเยี่ยม Caravaggio เขียนภาพเฉพาะบนผ้าใบไม่เคยมีผลงานที่ผนังหรือเพดานในขณะที่อันนิบาเลได้สร้างจิตรกรรมฝาผนังชั้นยอดไว้จำนวนมาก แต่สไตล์ของ Caravaggio ได้รับการชื่นชอบเป็นอย่างมากกลายเป็นกระแสนิยมมีจิตรกรเขียนภาพตามอย่างเขาเป็นจำนวนมาก Caravaggio จึงเป็นศิลปินที่โด่งดังที่สุดในยุคนั้น ชื่อเสียงของอันนิบาเลจึงถูกบดบังด้วยความยิ่งใหญ่ของ Caravaggio ไปบ้าง แต่ผลงานอันทรงคุณค่าของเขากลับมีอิทธิพลต่อศิลปินดังอย่างเช่น Peter Paul Rubens และ Nicolas Poussin รวมทั้งศิลปินรุ่นถัดมาที่ช่วยกันสร้างสรรค์ศิลปะยุคบาโรกอย่างลึกซึ้งเป็นเวลานานหลายสิบปี
ผลงานทรงคุณค่าของศิลปินต้นแบบ
อันนิบาเล คารัคชีเป็นจิตรกรที่มีพรสรรค์สูงสามารถเขียนภาพได้อย่างยอดเยี่ยมในหลากหลายแนวทั้งในภาพเขียนแนวศาสนา, เรื่องจากตำนาน, ภาพวิถีชีวิตประจำวัน, ภาพภูมิทัศน์ และภาพเหมือนบุคคล รวมทั้งยังมีผลงานภาพจิตรกรรมฝาผนังแบบปูนเปียกที่ยอดเยี่ยมยิ่งใหญ่อีกด้วย และต่อไปนี้คือส่วนหนึ่งผลงานอันทรงคุณค่าของศิลปินผู้เป็นต้นแบบของศิลปะยุคบาโรก
Early Works (1580 – 1587)
Venice & Bologna Period (1587 – 1595)
Rome Period (1595 – 1560)
Later Years (1600 – 1609)
อันนิบาเล คารัคชีเป็นศิลปินคนแรกๆที่ได้พัฒนาสไตล์การเขียนภาพซึ่งนำไปสู่สไตล์บาโรกที่เจริญรุ่งเรืองในช่วงศตวรรษที่ 17 – 18 ผลงานที่ยอดเยี่ยมในหลากหลายแนวของเขาโดยเฉพาะภาพเขียนปูนเปียกบนเพดานโค้งของพระราชวัง Palazzo Farnese อันเป็นผลงานชิ้นเอกที่ยิ่งใหญ่และทรงคุณค่าได้เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของการเขียนภาพสไตล์บาโรกและทำให้เขายังคงชื่อเสียงและความนิยมมาโดยตลอดในช่วงเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมา
ข้อมูลและภาพจาก wikipedia, annibalecarracci, britannica