10 สุดยอดประติมากรรมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกตลอดกาล

มนุษย์ได้สร้างชิ้นงานศิลปะในรูปแบบของงานประติมากรรมมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ประติมากรรมถูกสร้างขึ้นจากวัสดุหลากหลายทั้งไม้ หิน ดิน และโลหะ ด้วยเทคนิคและวิธีการหลายอย่างทั้งการแกะสลัก การปั้น และการหล่อ แรงบันดาลใจในการสร้างประติมากรรมชิ้นสำคัญมักเกี่ยวข้องกับศาสนา ตำนาน ความเชื่อ และบุคคลสำคัญ ทุกยุคทุกสมัยในอดีตที่ผ่านมามีศิลปินชั้นยอดที่ได้สร้างสรรค์ประติมากรรมชิ้นเอกของพวกเขาได้อย่างวิจิตรงดงามแตกต่างกันไปตามสไตล์และจินตนาการของแต่ละคน และต่อไปนี้คือ 10 สุดยอดประติมากรรมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกตลอดกาล

 

1. David

david

ศิลปิน ไมเคิลแองเจโล ชาวอิตาลี
ปีที่สร้าง ค.ศ. 1501-1504
วัสดุ หินอ่อน
ขนาด 517 x 199 ซม.
สถานที่ พิพิธภัณฑ์ Galleria dell’Accademia, ฟลอเรนซ์

 

รูปปั้น David เป็นประติมากรรมชิ้นเอกในยุคเรอเนสซองส์ แกะสลักจากหินอ่อนโดยฝีมือของไมเคิลแองเจโลประติมากรผู้ยิ่งใหญ่ชาวอิตาลี ปี 1499 ไมเคิลแองเจโลที่กำลังเป็นศิลปินดาวรุ่งได้รับการทาบทามให้ทำงานแกะสลักหินอ่อนชิ้นใหญ่ที่เมืองฟลอเรนซ์ซึ่งเป็นโครงการที่ริเริ่มมา 40 ปีแล้วแต่ยังไม่สำเร็จ เนื่องจากช่างแกะสลักที่เคยรับงานนี้ต่างเห็นว่าหินอ่อนชิ้นนี้มีตำหนิและไม่แข็งแรงพอที่จะทำรูปปั้นใหญ่ขนาดนั้นได้ ไมเคิลแองเจโลรับงานนี้ตอนที่เขาอายุ 26 ปี ใช้เวลาราว 4 ปี ระหว่างปี 1501 – 1504 แกะสลักก้อนหินอ่อนที่ถูกทิ้งไว้ไม่มีใครเหลียวแลนาน 25 ปีให้กลายเป็นวีรบุรุษผู้งามสง่าสวยงามราวผู้วิเศษเนรมิตขึ้น รูปปั้น David เป็นประติมากรรมชิ้นเอกของโลกและเป็นสัญลักษณ์ของเมืองฟลอเรนซ์ตลอดมาถึงปัจจุบัน

 

2. Venus de Milo

venus-de-milo

ศิลปิน Alexandros of Antioch ชาวกรีก
ปีที่สร้าง 150-125 ปีก่อนคริสต์ศักราช
วัสดุ หินอ่อน
ขนาด สูง 204 ซม.
สถานที่ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์, ปารีส

 

ประติมากรรมกรีกโบราณที่มีชื่อเสียงที่สุดชิ้นนี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นงานของ Alexandros of Antioch แกะสลักจากหินอ่อนในช่วงระหว่าง 150 – 125 ปีก่อนคริสต์ศักราช เชื่อกันว่ารูปปั้นนี้สื่อถึงอโฟรไดท์เทพีแห่งความรักและความงามของกรีกหรือเทพีวีนัสในยุคโรมัน แต่มีนักวิชาการบางคนเชื่อว่าเป็นตัวแทนของแอมฟิไทรต์เทพีแห่งท้องทะเลของกรีก ประติมากรรมเก่าแก่ชิ้นนี้หายสาบสูญไปกว่า 1,500 ปีก่อนจะถูกค้นพบอีกครั้งที่หมู่บ้านกรีกโบราณบนเกาะ Milo ในปี 1820 มันจึงถูกเรียกว่า Venus de Milo ปัจจุบันเป็นหนึ่งในงานศิลปะชิ้นสำคัญที่ทุกคน “ต้องดู” เมื่อมีโอกาสไปเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์

 

3. The Thinker

the-thinker

ศิลปิน โอกุสต์ รอแด็ง ชาวฝรั่งเศส
ปีที่สร้าง ค.ศ. 1906
วัสดุ สำริด
ขนาด 180 x 98 x 145 ซม.
สถานที่ พิพิธภัณฑ์รอแด็ง, ปารีส

 

ประติมากรรม “คนครุ่นคิด” หรือ The Thinker เป็นรูปปั้นผู้ชายเปลือยนั่งอยู่บนก้อนหินวางคางไว้บนมือข้างหนึ่งในท่าทีกำลังครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง สร้างโดยโอกุสต์ รอแด็งประติมากรผู้มีผลงานโดดเด่นที่สุดในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เดิมเป็นองค์ประกอบสำคัญตรงกลางของส่วนที่อยู่เหนือประตูในผลงาน The Gates of Hell นักวิชาการบางคนเชื่อว่ารอแด็งน่าจะต้องการสื่อถึงวีรบุรุษผู้อุดมด้วยสติปัญญาและความสามารถด้านกวี ปัจจุบันรูปปั้น The Thinker ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของความคิดและปรัชญา ได้รับยกย่องเป็นหนึ่งในประติมากรรมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ศิลปะ รวมทั้งยังเป็นรูปปั้นที่ถูกทำซ้ำมากที่สุดอีกชิ้นหนึ่งด้วย เฉพาะรูปหล่อสำริดเวอร์ชั่นเต็มขนาดเท่าต้นฉบับมีการสร้างขึ้นรวม 28 ชิ้น และยังมีการสร้างในขนาดที่เล็กลงมาด้วยวัสดุหลากหลายอีกจำนวนมากมายแทบนับไม่ถ้วน

 

4. Pietà

Pietà

ศิลปิน ไมเคิลแองเจโล ชาวอิตาลี
ปีที่สร้าง ค.ศ. 1498-1499
วัสดุ หินอ่อน
ขนาด 174 × 195 ซม.
สถานที่ มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์, นครวาติกัน

 

Pietà เป็นงานแกะสลักหินอ่อนรูปพระแม่มารีใบหน้าเศร้าหมองกำลังประคองร่างของพระเยซูที่เพิ่งอัญเชิญลงจากกางเขน ไมเคิลแองเจโลใช้เวลาราวสองปีสร้างผลงานที่งดงามอย่างยิ่งและสมจริงทุกรายละเอียด สร้างความอัศจรรย์ใจแก่ผู้ได้ชมเป็นอย่างมาก เป็นผลงานชิ้นเอกชิ้นแรกที่เขาทำสำเร็จด้วยวัยเพียง 24 ปีเท่านั้น และยังเป็นผลงานชิ้นเดียวของไมเคิลแองเจโลที่เขาได้ลงชื่อไว้บนชิ้นงาน Pietà เป็นหนึ่งในงานประติมากรรมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก ปัจจุบันเก็บรักษาที่มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในนครรัฐวาติกัน เป็นแม่เหล็กดึงดูดใจให้ผู้คนมาเยี่ยมชมมหาวิหารแห่งนี้อย่างคับคั่งตลอดทั้งปี

 

5. Bronze David

bronze-david

ศิลปิน โดนาเตลโล ชาวอิตาลี
ปีที่สร้าง ราวช่วงทศวรรษ 1440s
วัสดุ สำริด
ขนาด 158 × 51 ซม.
สถานที่ พิพิธภัณท์ National Museum of Bargello, ฟลอเรนซ์

 

Bronze David เป็นรูปหล่อสำริดท่ายืนแบบอิสระไม่มีการค้ำยันใดๆชิ้นแรกที่สร้างขึ้นในยุคเรอเนสซองส์ โดยฝีมือของโดนาเตลโลที่เป็นสุดยอดประติมากรแห่งยุคอีกคนหนึ่ง นอกเหนือจากงานปั้นงานหล่อที่ทำออกมาอย่างสวยงามสมบูรณ์แบบแล้ว ผลงานชิ้นนี้ยังมีเสน่ห์ตรงท่าทางการยืนถือดาบเท้าสะเอวและจ้องมองไปที่ศีรษะของโกไลแอทที่ใต้อุ้งเท้าพร้อมกับรอยยิ้มอันลึกลับที่สื่ออารมณ์ได้สมจริง รวมทั้งการสวมหมวกและรองเท้าบูทที่เป็นเอกลักษณ์ โดยมีการสวมพวงมาลัยบนศีรษะซึ่งโดนาเตลโลนำมาจากวัฒนธรรมโรมันโบราณเพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงชัยชนะอีกด้วย นับเป็นผลงานที่งดงามมีชีวิตชีวาน่าชมอย่างยิ่ง รูปหล่อสำริด David ของโดนาเตลโลได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นเอกแห่งยุคเรอเนสซองส์

 

6. Laocoön and His Sons

laocoon-and-his-sons

ศิลปิน Agesander, Athenodoros และ Polydorus ชาวกรีก
ปีที่สร้าง ราว 200 ปีก่อนคริสต์ศักราช
วัสดุ หินอ่อน
ขนาด 208 × 163 × 112 ซม.
สถานที่ พิพิธภัณท์แห่งวาติกัน, นครวาติกัน

 

Laocoön and His Sons เป็นประติมากรรมหินอ่อนจากยุคกรีกโบราณสร้างขึ้นเมื่อราว 200 ปีก่อนคริสต์ศักราชโดยประติมากรสามคนคือ Agesander, Athenodoros และ Polydorus ถูกค้นพบในไร่องุ่นของชาวโรมันเมื่อปี 1506 แล้วถูกนำไปเก็บไว้ในนครรัฐวาติกันจนถึงทุกวันนี้ รูปปั้นแสดงฉากเหตุการณ์ที่นักบวชโทรจัน Laocoön และลูกชายของเขา Antiphantes และ Thymbraeus กำลังถูกโจมตีโดยงูทะเลที่ส่งมาจากพระเจ้า ผลงานชิ้นนี้มีความโดดเด่นที่ความสมจริงของรูปร่าง การแสดงออกทางสีหน้า และท่วงท่าการเคลื่อนไหวของร่างกายที่พยายามปลดปล่อยตัวเองจากการรัดพันของงูยักษ์ ถือเป็นหนึ่งในสามของประติมากรรมหินอ่อนยุคกรีกโบราณที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก

 

7. Apollo and Daphne

apollo-and-daphne

ศิลปิน จีอัน โลเรนโซ แบร์นินี ชาวอิตาลี
ปีที่สร้าง ค.ศ. 1622-1625
วัสดุ หินอ่อน
ขนาด สูง 243 ซม.
สถานที่ หอศิลป์ Galleria Borghese, โรม

 

Apollo and Daphne เป็นประติมากรรมหินอ่อนสไตล์บาโรกขนาดเท่าของจริงโดยจีอัน โลเรนโซ แบร์นินี ศิลปินเลื่องชื่อชาวอิตาลีผู้พัฒนางานประติมากรรมสไตล์บาโรกให้ดูมีชีวิตชีวาด้วยท่วงท่าและการแสดงอารมณ์ที่สมจริง ประติมากรรมชิ้นนี้สร้างขึ้นตามตำนานกรีกโบราณจากเรื่องราวของเทพอะพอลโลที่หลงรักและตามติดพันนางไม้แดฟเน่ ผลงานชิ้นนี้โดดเด่นด้วยรูปร่างทรวดทรงที่สง่างามขององค์เทพทั้งสองและลักษณะที่แดฟเน่กำลังกลายร่างเปลี่ยนจากมนุษย์ไปเป็นต้นไม้ ประติมากรรม Apollo and Daphne ได้รับการยกย่องเป็นผลงานชิ้นเอกที่โดดเด่นแห่งยุคบาโรก

 

8. Psyche Revived by Cupid’s Kiss

psyche-revived-by-cupids-kiss

ศิลปิน อันโตนิโอ คาโนวา ชาวอิตาลี
ปีที่สร้าง ค.ศ. 1787– 1793
วัสดุ หินอ่อน
ขนาด 155 × 168 ซม.
สถานที่ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์, ปารีส

 

ประติมากรรมหินอ่อน Psyche Revived by Cupid’s Kiss เป็นผลงานของอันโตนิโอ คาโนวาประติมากรผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคนีโอคลาสสิก สร้างขึ้นจากวรรณกรรมกรีกโบราณเรื่อง The Golden Ass คาโนวาแกะสลักหินอ่อนถ่ายทอดโมเมนต์แสนโรแมนติกที่คิวปิดกำลังประคองกอดไซคีที่เพิ่งฟื้นจากมนตร์แห่งความหลับใหลด้วยจุมพิตของเขาอย่างอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความรักออกมาได้งดงามมีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง ผลงานนี้ไม่เพียงได้รับการยกย่องเป็นประติมากรรมชิ้นเอกแห่งยุคนีโอคลาสสิก แต่ยังถือเป็นพัฒนาการแห่งศิลปะแบบโรแมนติกอีกด้วย

 

9. Winged Victory of Samothrace

winged-victory-of-samothrace

ศิลปิน
ปีที่สร้าง 220-185 ปีก่อนคริสต์ศักราช
วัสดุ หินอ่อน
ขนาด สูง 244 ซม.
สถานที่ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์, ปารีส

 

Winged Victory of Samothrace หรือ Nike of Samothrace เป็นประติมากรรมหินอ่อนรูปไนกีเทพีแห่งชัยชนะของกรีก ไม่แน่ชัดว่าสร้างโดยฝีมือของผู้ใดรวมทั้งปีที่สร้างด้วย แต่ส่วนใหญ่เชื่อว่าสร้างในราว 220-185 ปีก่อนคริสต์ศักราช ถูกขุดพบโดยนักโบราณคดีชาวฝรั่งเศสที่เกาะ Samothrace เมื่อปี 1863 แม้ว่ารูปปั้นของเทพีไนกีจะไม่มีศีรษะและแขนทั้งสองข้างแต่ยังคงความงดงามด้วยฝีมือการแกะสลักที่ประณีตวิจิตรมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสื้อผ้าที่ดูเหมือนถูกลมแรงพัดจนแนบติดร่างกายด้านหน้าและปลิวพริ้วไสวไปทางด้านหลัง Winged Victory of Samothrace จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ตั้งแต่ปี 1884 จนถึงปัจจุบัน

 

10. Bust of Nefertiti

bust-of-nefertiti

ศิลปิน Thutmose ชาวอียิปต์
ปีที่สร้าง 1345 ปีก่อนคริสต์ศักราช
วัสดุ หินปูนเคลือบปูนปั้น
ขนาด สูง 48 ซม.
สถานที่ พิพิธภัณฑ์นอยเอส, เบอร์ลิน

 

รูปปั้นครึ่งตัวของเนเฟอร์ติติราชินีคนสำคัญของอียิปต์โบราณสร้างขึ้นจากหินปูนเคลือบปูนปั้นย้อมสีโดยประติมากรชาวอียิปต์ Thutmose เมื่อ 1345 ปีก่อนคริสต์ศักราชหรือกว่า 3,300 ปีมาแล้ว ขุดพบโดยทีมนักโบราณคดีชาวเยอรมันที่แหล่งโบราณคดี Amarna ในประเทศอียิปต์เมื่อปี 1912 และถูกนำไปเก็บรักษาไว้ในสถานที่หลายแห่งในประเทศเยอรมัน ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์นอยเอสในกรุงเบอร์ลิน ประติมากรรมอียิปต์โบราณชิ้นนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นผลงานที่มีความประณีตละเอียดอ่อนและสง่างามอย่างยิ่ง และยังถูกเรียกว่า “ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก” มานานหลายศตวรรษ นับตั้งแต่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการที่กรุงเบอร์ลินในปี 1924 ทางการอียิปต์ได้เรียกร้องให้ส่งกลับคืนประเทศอียิปต์มาโดยตลอดแต่ไม่เคยเป็นผล

 

ข้อมูลและภาพจาก wikipedia, timeout, ranker, learnodo-newtonic

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *