สิ่งมีชีวิตยุคโบราณจะหลงเหลืออยู่ในแอ่งบนดาวอังคารได้หรือไม่

บริเวณที่ลุ่มหรือแอ่งขนาดมหึมาในซีกโลกใต้ของดาวอังคารอาจจะเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการค้นหาสัญญาณของสิ่งมีชีวิตบนดาวแดงดวงนี้ทั้งของในอดีตและปัจจุบัน

แอ่ง Argyre มีส่วนประกอบที่จำเป็นสำหรับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตอยู่มากมาย และควรจะเป็นเป้าหมายสำคัญสำหรับภารกิจบนดาวอังคารในอนาคต

“Argyre มีลักษณะภูมิประเทศที่เป็นความหวังในมุมมองทางชีวดาราศาสตร์ รวมถึงแหล่งแร่แบบน้ำร้อน กองน้ำแข็ง (pingos) หรือตะกอนธารน้ำแข็งโบราณ” นักวิจัย Alberto Fairén กล่าว

argyre-basin-view

Argyre ตั้งอยู่ที่ประมาณละติจูด 50 องศาใต้ ในช่วงฤดู​​หนาวแสงอาทิตย์จะส่องมาไม่ค่อยถึงพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลจากเส้นศูนย์สูตร ดังนั้นภารกิจในระยะยาวอาจจำเป็นต้องพึ่งพาพลังงานนิวเคลียร์ เหมือนกับยานสำรวจดาวอังคาร Mars rover Curiosity

ภารกิจที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ยังคงสามารถทำงานได้ แต่ได้เพียงเฉพาะช่วงเวลาสั้นๆ เช่นในปี 2008 ยานฟีนิกซ์ของนาซา ทำงานอยู่ใกล้กับขั้วโลกเหนือของดาวอังคารเป็นเวลา 157 วันบนดาวอังคาร (เทียบเท่า 161 วันของโลก) ด้วยศักยภาพที่จะได้รับผลตอบแทนทางวิทยาศาสตร์ ทำให้ Argyre เป็นสถานที่ที่น่าสำรวจ นักวิจัยเสนอภารกิจหลายอย่าง เริ่มต้นด้วยนำยานโคจรรวมเข้ากับยานลงจอด ตามด้วยยานสำรวจ ยานสำรวจเหล่านี้สามารถบรรทุกสถานีวิทยาศาสตร์ขนาดเล็กและเครื่องขุดเจาะอัตโนมัติ ที่สามารถค้นหาสัญญาณของสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคารทั้งในอดีตและปัจจุบัน

จะต้องมีการฆ่าเชื้อยานลงจอดอย่างดีที่สุดเท่าที่ทำได้ เพื่อลดโอกาสที่เชื้อจุลินทรีย์จากโลกสามารถตั้งรกรากอยู่บนดาวอังคารได้

เมื่อสี่พันล้านปีก่อน มีน้ำอุดมสมบูรณ์บนพื้นผิวดาวอังคาร ดาวเคราะห์ดวงนี้มีแนวโน้มที่จะมีมหาสมุทรและหลุมอุกกาบาตที่เป็นทะเลสาบจำนวนมาก บรรยากาศหนาที่ล้อมรอบดาวอังคารสามารถป้องกันรังสีต่างๆและช่วยรักษาสิ่งมีชีวิตได้

ในห้วงเวลานั้นมีหินอวกาศขนาดใหญ่กระแทกดาวอังคารบริเวณครึ่งซีกทางด้านใต้ ทำให้เกิดแอ่ง Argyre ที่กว้าง 1,100 ไมล์ (1,800 กิโลเมตร) การชนกันครั้งนี้ยังสร้างภูเขาตามแนวขอบและหุบเขาในบริเวณใกล้เคียงอีกด้วย

การกระแทกอาจจะช่วยการแพร่กระจายออกไปของน้ำและวัสดุในการดำรงชีวิตอื่น ๆ จากเปลือกดาวไปยังพื้นผิว เป็นไปได้มากที่จะเกิดทะเลสาบในแอ่งดังกล่าว นอกจากนี้เมื่อรวมกับการเกิดภูเขาไฟในบริเวณใกล้เคียง พลังงานที่ได้จากการกระแทกอาจมีส่วนช่วยต่อกระบวนการไฮโดรเทอร์มอลใกล้ๆแอ่งด้วย การศึกษาก่อนหน้าชี้ให้เห็นว่าในบางจุดหลังการกระแทก แอ่ง Argyre ประกอบด้วยมวลน้ำขนาดใหญ่ที่จะเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำที่อยู่ติดกับ Uzboi Vallis

argyre-basin-mountains

แต่ดาวอังคารมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายตั้งแต่วันช่วงแรกๆ ดาวเคราะห์ดวงนี้สูญเสียบรรยากาศจำนวนไปยังอวกาศ และส่งผลให้เกิดควาหนาวเย็นมากยิ่งขึ้น ทะเลสาบและแม่น้ำแข็งตัว เกิดธารน้ำแข็งในทางด้านใต้ของ Argyre และที่ราบสูงในบริเวณใกล้เคียง

จากการสังเกตดาวอังคารของยานสำรวจของนาซาต่างๆ รวมทั้ง Viking missions, Mars Global Surveyor, Mars Odyssey และ Mars Reconnaissance Orbiter ได้ช่วยในการทำความเข้าใจวิวัฒนาการของบริเวณนี้ เผยให้เห็นร่องรอยของธารน้ำแข็งขนาดมหึมา และการเปลี่ยนแปลงพื้นผิวทางธรณีวิทยา น้ำใน Argyre ก็น่าจะมีอุดมสมบูรณ์มากกว่าในหลุมอุกกาบาต Gale Crater ซึ่งกว้าง 96 ไมล์(154 กิโลเมตร)

กองน้ำแข็งขนาดเล็กที่อยู่ใกล้ Argyre อาจจะเป็นหลักฐานของ pingos โบราณ ซึ่งเป็นก้อนน้ำแข็งทีถูกหล่อเลี้ยงโดยระบบน้ำบาดาล น้ำแข็งอาจจะทำหน้าที่เป็นบัฟเฟอร์ให้กับน้ำ ทำให้มันอยู่ได้นานกว่าและสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่มีเสถียรภาพและอายุนานพอสำหรับชีวิตที่จะพัฒนาขึ้นได้

บริเวณที่น้ำแข็งและหินมีปฏิสัมพันธ์กันเป็นสภาพแวดล้อมที่น่าสนใจมากสำหรับการพัฒนาของสิ่งมีชีวิตแบบจุลินทรีย์ สิ่งมีชีวิตบนดาวอังคารอาจจะมีอยู่ใต้พื้นผิวดาวก็ได้

ในขณะที่สภาพแวดล้อมบนพื้นผิวของ Argyre เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิต เงื่อนไขเหล่านั้นยังมีแนวโน้มที่ดีเยี่ยมสำหรับการรักษาฟอสซิล แร่ธาตุที่เกิดขึ้นจากน้ำจะได้ฝังอย่างรวดเร็วในโครงสร้างเซลล์ ช่วยปกป้องพวกมันผ่านบรมยุคต่างๆได้

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *