จากช่างซ่อมศิลปะสู่ศิลปินมืออาชีพ
ฟรันส์ ฮัลส์ เป็นชาวดัตช์ เกิดเมื่อราวปี 1582 ที่เมืองแอนต์เวิร์ปในช่วงที่เกิดสงครามแย่งชิงดินแดนก่อนที่เมืองใหญ่แห่งนี้จะตกไปอยู่ภายใต้การปกครองของสเปน ครอบครัวของฮัลส์จึงย้ายหนีออกจากเมืองที่กำลังวุ่นวายนี้ขึ้นไปทางเหนือแล้วปักหลักอาศัยอยู่ที่เมืองฮาร์เลมไม่ไกลจากกรุงอัมสเตอร์ดัม เขาจึงเติบโตที่เมืองฮาร์เลมและอาศัยอยู่เมืองนี้ไปตลอดชีวิต ระหว่างปี 1600 – 1603 ฮัลส์เรียนเขียนภาพกับ Karel van Mander จิตรกรชาวเฟลมิชสำคัญคนหนึ่งของเมืองฮาร์เลม จนถึงปี 1610 ฮัลส์ได้เป็นสมาชิกของสมาคมศิลปินอาชีพแห่งเมืองฮาร์เลมและเริ่มต้นอาชีพด้วยการเป็นช่างซ่อมงานศิลปะให้กับสภาเมืองฮาร์เลม
ฮัลส์ทำงานซ่อมชิ้นงานศิลปะอยู่นานหลายปีพร้อมกับเริ่มรับงานเขียนภาพเองไปด้วย ฮัลส์ไม่ได้เดินตามรอยของอาจารย์ที่นิยมเขียนภาพประวัติศาสตร์เพราะตัวเขาชอบเขียนภาพบุคคลมากกว่า ผลงานในช่วงเริ่มแรกก็ถือว่าทำได้ดีทีเดียวอย่างเช่นภาพ Portrait of Jacobus Zaffius และ Portrait of a Man Holding a Skull แต่เขากลับแจ้งเกิดในวงการด้วยภาพเหมือนกลุ่มบุคคล (Group Portraits) โดยในปี 1616 เขามีผลงานสำคัญชิ้นแรกเป็นภาพเหมือนกลุ่มบุคคลขนาดเท่าตัวจริงชื่อภาพ The Banquet of the Officers of the St George Militia Company และในเวลาต่อมาฮัลส์ได้เขียนภาพเหมือนกลุ่มบุคคลที่ยอดเยี่ยมอีกจำนวนมากรวมทั้งภาพ Meagre Company และ The Officers of the St Adrian Militia Company in 1633 จนกลายเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในวิวัฒนาการของภาพเขียนแนวนี้ในศตวรรษที่ 17
จิตกรภาพเหมือนยอดนิยมแห่งยุค
หลังจากมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักฮัลส์ก็มีงานมากขึ้นและเขาก็ได้สร้างชื่อเสียงให้เพิ่มมากขึ้นด้วยการเขียนภาพเหมือนบุคคลด้วยฝีมือที่ยอดเยี่ยม นอกจากรายละเอียดเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับที่มีความประณีตละเอียดละออแล้ว ผิวพรรณและใบหน้าของบุคคลในภาพยังประกอบด้วยสีสันและแสงเงาที่ให้มิติสมจริงมาก อย่างเช่นในผลงานภาพ Catharina Hooft with her Nurse และ Willem van Heythuysen Posing with a Sword นอกจากนี้ภาพเหมือนของฮัลส์ยังมีเสน่ห์ตรงที่ท่าทางสบายๆไม่เคร่งเครียดและการดึงเอาเอกลักษณ์ประจำตัวของเจ้าของภาพแสดงออกมาอย่างชัดเจน ผลงานภาพเหมือนที่โดดเด่นของเขาได้แก่ภาพ Laughing Cavalier ที่เป็นภาพที่มีชื่อเสียงมากที่สุดภาพหนึ่งของเขาซึ่งได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในภาพเหมือนบุคคลสไตล์บาโรกที่ยอดเยี่ยมที่สุด, ภาพ Portrait of Willem Coymans และ Portrait of Pieter van den Broecke เป็นต้น
ฮัลส์กลายเป็นจิตรกรภาพเหมือนเลื่องชื่อแห่งฮาร์เลม เขาเขียนภาพให้กับคนมีชื่อเสียงและผู้มั่งคั่งของเมืองในโอกาสพิเศษต่างๆมากมายโดยเฉพาะภาพเหมือนในงานแต่งงาน ทั้งภาพคู่แต่งงานที่อยู่ในภาพเดียวกันอย่างเช่นภาพ Marriage Portrait of Isaac Massa and Beatrix van der Laen และภาพคู่แต่งงานที่แยกเป็นสองภาพอย่างเช่นภาพ Portrait of Jacob Olycan กับภาพ Portrait of Aletta Hanemans เป็นต้น จิตรกรในยุคนั้นพอมีชื่อเสียงมักนิยมย้ายไปอยู่ที่กรุงอัมสเตอร์ดัมเพื่อจะได้มีโอกาสได้รับงานสำคัญและยังเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้จ้างเขียนภาพที่เป็นเศรษฐีและชนชั้นสูงซึ่งส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเมืองหลวง แต่ฮัลล์กลับปักหลักอยู่ที่เมืองฮาร์เลมไม่ย้ายไปไหน ดังนั้นจึงมีคนจำนวนมากยอมเดินทางจากต่างเมืองมาที่ฮาร์เลมเพื่อให้ฮัลส์เขียนภาพเหมือนให้ อันเป็นการยืนยันถึงความเป็นจิตกรภาพเหมือนยอดนิยมแห่งยุคของเขาได้เป็นอย่างดี
ลีลาการแสดงอารมณ์อันโดดเด่น
ช่วงยุคทองของเนเธอร์แลนด์ (Dutch Golden Age) ในศตวรรษที่ 17 มีการนิยมเขียนภาพประเภทหนึ่งที่เรียกว่า “Tronie” ซึ่งมีลักษณะเด่นพิเศษเฉพาะตัว ภาพเขียนแนวนี้ได้รวมเอาองค์ประกอบของภาพเหมือน ภาพประวัติศาสตร์ และภาพชีวิตประจำวันมาหลอมรวมเข้าด้วยกัน โดยเน้นไปที่การแสดงออกที่ผิดปกติหรือการแสดงอารมณ์ที่เกินจริง บุคคลหรือกลุ่มบุคคลในภาพอาจเป็นตัวแทนของชายชรา หญิงสาว ทหาร คนในอาชีพหนึ่ง หรือบุคคลเชื้อชาติใด เครื่องแต่งกายที่มีลักษณะเฉพาะและสีสันที่แปลกตากับท่าทางและการแสดงอารมณ์บนใบหน้าจะถ่ายทอดแนวคิดต่างๆที่ศิลปินนำเสนอได้อย่างน่าสนใจ
ฮัลส์ชอบเขียนภาพ Tronie มาตั้งแต่เริ่มต้นอาชีพจิตรกร ในช่วงแรกๆผลงานในแนวนี้ของเขาอาจจะยังไม่ค่อยชัดเจนนัก เช่น ภาพ Merrymakers at Shrovetide ที่อาจดูเหมือนภาพชีวิตประจำวันมากกว่า แต่หลังจากผ่านการพัฒนามาระยะหนึ่งภาพ Tronie ของฮัลส์เริ่มมีลีลาท่าทางและการแสดงอารมณ์อันโดดเด่นเห็นได้ชัดจากภาพ The Lute Player และ Yonker Ramp and his Sweetheart ไปจนถึงภาพ Laughing Fisherboy ภาพเขียนในแนวนี้ได้กลายเป็นเอกลักษณ์ประตัวอย่างหนึ่งของฮัลส์ที่ทุกคนจดจำได้ดี และในเวลาต่อมาภาพเขียน Tronie ของเขาได้กลายเป็นผลงานชิ้นเอกที่ได้รับความนิยมในอันดับต้นๆเลยทีเดียว อย่างเช่นภาพ The Gypsy Girl, Malle Babbe รวมทั้งภาพ Two Laughing Boys with a Mug of Beer ที่ถูกขโมยออกจากพิพิธภัณฑ์ไปถึงสามครั้ง
ต้นแบบของศิลปินอิมเพรสชั่นนิสม์
ขณะที่ภาพเหมือนบุคคลของฮัลส์ถูกเขียนอย่างประณีตบรรจงพิถีพิถันด้วยฝีแปรงที่ละเอียดและสีที่เรียบสวยนุ่มละมุน ส่วนในภาพ Tronie เขากลับใช้ฝีแปรงหยาบๆสะบัดพริ้วอย่างรวดเร็วเป็นอิสระคล้ายไม่ตั้งใจโดยเฉพาะในช่วงหลังๆ แต่กลับกลายเป็นว่าด้วยเทคนิคและสไตล์การเขียนภาพแบบนี้ให้มิติและแสดงอารมณ์ของภาพได้ดีรวมทั้งมีความแปลกใหม่น่าสนใจ จนมาถึงในศตวรรษที่ 19 วิธีการเขียนภาพแบบนี้ของฮัลล์กลับเป็นที่ชื่นชมของศิลปินรุ่นหลังหลายคน รวมทั้ง Vincent van Gogh และ Édouard Manet เป็นต้นแบบและแรงบันดาลใจให้พวกเขานำไปพัฒนาต่อยอดสร้างสรรค์เป็นศิลปะแนวใหม่ในยุคอิมเพรสชั่นนิสม์
ฮัลส์เป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จเป็นจิตรกรที่ได้รับความนิยมมีลูกค้ามากมาย ถึงเขาจะมีรายได้ที่ดีจากงานเขียนภาพแต่ฮัลส์ก็ไม่ได้มีชีวิตที่ร่ำรวยสุขสบายนักเนื่องจากเขามีครอบครัวใหญ่มีลูกมาก ฮัลส์มีลูกกับภรรยาคนแรกที่เสียชีวิตหลังแต่งงานเพียงไม่กี่ปีด้วยกัน 3 คน แต่กับภรรยาคนที่สองเขามีลูกด้วยกันถึง 8 คน ฮัลส์จึงต้องทำงานเสริมหลายอย่าง เขาสอนลูกศิษย์ค่อนข้างมาก ทำงานซ่อมศ่ิลปะ รวมทั้งทำงานให้สภาเมืองหลายอย่าง แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังมีปัญหาด้านการเงินและมีหนี้สินอยู่ไม่น้อย มีบันทึกว่าเขาต้องขายทรัพย์สินที่มีเพื่อใช้หนี้ ช่วงบั้นปลายชีวิตเขาค่อนข้างยากจนแต่ยังดีที่ได้รับเงินบำนาญจากสภาเมืองจึงอยู่ได้โดยไม่ลำบาก ฮัลส์เสียชีวิตในปี 1666 มีอายุราว 84 ปี
ผลงานอันยอดเยี่ยมและมีชีวิตชีวา
ฮัลส์เป็นจิตรกรที่มีผลงานยอดเยี่ยมด้านการเขียนภาพเหมือนที่งดงามประณีตและมีมิติสมจริง ทั้งภาพเหมือนบุคคลและภาพเหมือนกลุ่มบุคคล แต่ที่โดดเด่นเป็นพิเศษเป็นผลงานการเขียนภาพ Tronie ที่มีลีลาและการแสดงอารมณ์อันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และต่อไปนี้คือส่วนหนึ่งของผลงานอันยอดเยี่ยมและมีชีวิตชีวาของศิลปินท่านนี้จากผลงานที่หลงเหลืออยู่ทั้งหมดกว่า 250 ภาพ
Portraits
Group Portraits
Tronie Paintings
Other Works
ฟรันส์ ฮัลส์ เป็นศิลปินผู้ยิ่งใหญ่อีกคนหนึ่งในยุคบาโรกที่มีผลงานโดดเด่นมาก เขามีส่วนสำคัญต่อวิวัฒนาการของภาพเขียนกลุ่มบุคคลในยุคนี้ อีกทั้งผลงานภาพเหมือนบุคคลของเขาก็ยอดเยี่ยมมาก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพ Tronie ของเขามีความโดดเด่นและมีมนต์เสน่ห์ที่ยากจะหาใครเทียบได้ เขาเป็นหนึ่งในศิลปินที่มีบทบาทสำคัญที่ทำให้เนเธอร์แลนด์เข้าสู่ยุคทองทางด้านศิลปะร่วมกับศิลปินชาวดัตช์ชั้นนำอีกหลายคน รวมทั้ง Rembrandt และ Johannes Vermeer
ข้อมูลและภาพจาก encyclopedia, wikipedia, frans-hals.org