บริษัท Roofing Megastore ได้ทำวิจัยและจัดลำดับอาคารที่สวยที่สุดในโลกโดยใช้อัตราส่วนทองเป็นเกณฑ์ พวกเขาวิเคราะห์งานสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก 100 ชิ้น เปรียบเทียบสัดส่วนของอาคารแต่ละหลังในจุดต่างๆที่สำคัญด้านหน้าอาคาร ทั้งมุมด้านบน ด้านล่าง และศูนย์กลางของอาคารว่ามีความสอดคล้องกับอัตราส่วนทองมากแค่ไหน โดยคิดออกมาเป็น % เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบกันได้ และต่อไปนี้คือ 10 อาคารที่สวยที่สุดในโลกที่ใช้อัตราส่วนทองเป็นเกณฑ์
1. St. Paul’s Cathedral, England (72.28%)
มหาวิหารเซนต์พอลถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 หลังเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ของกรุงลอนดอนเมื่อปี 1666 Sir Christopher Wren สถาปิกนิกและนักฟิสิกส์ชาวอังกฤษใช้เวลาในการวางแผนและออกแบบนาน 9 ปีโดยตั้งใจที่จะรักษาสไตล์โบสถ์ยุคกลางของอังกฤษดั้งเดิมให้คงอยู่ และยังได้รับแรงบันดาลใจจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในนครวาติกัน อาคารที่สวยอันดับ 1 ของโลกแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาอันเป็นจุดที่สูงที่สุดในกรุงลอนดอน แต่ละปีต้องต้อนรับผู้คนประมาณสองล้านคนที่เข้าคิวเพื่อเข้าเยี่ยมชมสถาปัตยกรรมที่งดงามพร้อมการตกแต่งที่สลับซับซ้อนน่าประทับใจทั้งภายนอกและภายใน
2. Marina Bay Sands Hotel, Singapore (70.88%)
มารีนาเบย์แซนส์ เป็นรีสอร์ทสุดหรูครบวงจรขนาดใหญ่ ประกอบด้วยโรงแรม 2,561 ห้อง ศูนย์นิทรรศการ ห้างสรรพสินค้า พิพิธภัณฑ์ โรงละคร ร้านอาหาร และคาสิโนขนาดใหญ่ โครงสร้างหลักเป็นอาคารสูง 55 ชั้นสามหลังลักษณะเหมือนไพ่สามสำรับวางตั้งเรียงกัน และมีเรือวางทับอยู่ด้านบนอันเป็นที่ตั้งของ Sands Sky Park สวนลอยฟ้าขนาดใหญ่ที่มีสระว่ายน้ำยาว 150 เมตรไว้บริการลูกค้า มารีนาเบย์แซนส์สร้างเสร็จและเปิดให้บริการเมื่อปี 2010 ถือเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของสิงคโปร์
3. Westminster Abbey, England (70.50%)
เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์เป็นโบสถ์ที่มีสถาปัตยกรรมแบบโกธิกในกรุงลอนดอน เป็นอาคารทางศาสนาที่โดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งของสหราชอาณาจักร ถูกใช้เป็นสถานที่จัดพิธีราชาภิเษกและที่ฝังศพของพระมหากษัตริย์อังกฤษ รวมทั้งนักวิทยาศาสตร์และศิลปินคนสำคัญ หอสองหออันโดดเด่นด้านหน้าสร้างเสร็จในปี 1745 เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์เคยได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการทิ้งระเบิดในสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ได้รับการบูรณะไม่นานหลังสงคราม
4. Osaka Castle, Japan (70.38%)
ปราสาทโอซาก้า ตั้งอยู่ในเมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เป็นปราสาทที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ปราสาทโอซาก้ามีความโดดเด่นที่หอคอย 5 ชั้นที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมญี่ปุ่น เริ่มสร้างขึ้นเมื่อปี 1583 ปัจจุบันรัฐบาลญี่ปุ่นกำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญ อีกทั้งยังกลายเป็นแลนด์มาร์กและสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องไม่พลาดไปเยี่ยมชมเมื่อมาถึงเมืองโอซาก้า
5. St. Basil’s Cathedral, Russia (69.10%)
มหาวิหารเซนต์บาซิล เป็นอาสนวิหารของคริสตจักรรัสเซียออร์ทอดอกซ์ ตั้งอยู่ที่จัตุรัสแดง กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย และเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของรัสเซีย โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1561 ตามคำสั่งของซาร์อีวานที่ 4 แห่งรัสเซียเพื่อฉลองชัยชนะเหนือมองโกล ผลจากชัยชนะครั้งนั้นทำให้รัสเซียสามารถรวมชาติได้เป็นปึกแผ่น มหาวิหารเซนต์บาซิลมีโดมทั้งหมด 9 โดม และมีรูปร่างเหมือนเปลวไฟที่ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า
6. Casa Mila, Spain (68.64%)
คาซา มิลา เป็นอาคารสมัยใหม่ในบาร์เซโลนา ประเทศสเปน สร้างขึ้นเมื่อปี 1906 เพื่อใช้เป็นอพาร์ทเมนต์ให้เช่าและที่พักส่วนตัวจากฝีมือการออกแบบของ Antoni Gaudí สถาปนิกชาวสเปนผู้ออกแบบมหาวิหารซากราดาฟามีเลียอันโด่งดัง ด้านหน้าของอาคารเป็นแนวโค้งคล้ายลูกคลื่นและมีระเบียงเหล็กดัดที่บิดเป็นเกลียว ตอนสร้างเสร็จใหม่ๆชาวเมืองจำนวนมากลงความเห็นว่าน่าเกลียดน่ากลัวถึงขนาดขอให้เจ้าของทุบทิ้ง แต่ต่อมาในปี 1984 ยูเนสโกประกาศให้เป็นมรดกโลก ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่มีผู้มาเยี่ยมชมนับล้านคนในแต่ละปี
7. Florence Cathedral, Italy (67.52%)
มหาวิหารฟลอเรนซ์ เป็นมหาวิหารในสไตล์โกธิกเก่าแก่ที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในอิตาลี สร้างเสร็จเมื่อปี 1436 เป็นมหาวิหารที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในอิตาลีรองลงมาจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ที่รัฐวาติกัน ประกอบด้วยอาคารหลัก 3 อาคารและโดมขนาดใหญ่ที่จนถึงวันนี้ยังคงเป็นโดมอิฐที่ใหญ่ที่สุดที่เคยสร้างมา ด้านหน้า (Facade) ของมหาวิหารที่สร้างขึ้นใหม่ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 มีความงดงามและโดดเด่นอย่างยิ่ง
8. Taj Mahal, India (67.45%)
ทัชมาฮาลเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์สมัยใหม่ของโลก สร้างขึ้นโดยจักรพรรดิชาห์ชะฮันในปี 1632 เพื่อเป็นที่ฝังศพของภรรยาคนโปรดของเขา ทัชมาฮาลได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี 1983 ในฐานะ “เพชรน้ำเอกของศิลปะมุสลิมในอินเดีย” และได้รับการยกย่องให้เป็นผลงานชิ้นเอกของสถาปัตยกรรมโมกุลและเป็นสัญลักษณ์ของประวัติศาสตร์อันยาวนานของอินเดีย ทัชมาฮาลเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆของโลก มีผู้เดินทางมาเยี่ยมชมหลายล้านคนต่อปี
9. Dancing House, Czech Republic (66.87%)
แดนซิงเฮาส์หรือบ้านเต้นรำเป็นสถาปัตยกรรมสมัยใหม่อันโดดเด่นที่ตั้งอยู่ท่ามกลางอาคารคลาสสิกสไตล์บาร็อค โกธิกและอาร์ตนูโวของกรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก ตัวอาคารมีลักษณะโค้งงอเหมือนสรีระของนักเต้นหญิงชายคู่หนึ่ง อาคารนี้เดิมมีชื่อว่า Fred and Ginger ที่ตั้งตามชื่อของนักเต้นคู่ดังซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของการออกแบบอาคาร
10. Neuschwanstein, Germany (63.10%)
ปราสาทนอยชวานสไตน์เป็นพระราชวังสมัยศตวรรษที่ 19 ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของแคว้นบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี เป็นหนึ่งในปราสาทที่ได้รับการยกย่องว่างดงามมากที่สุดของโลก และเป็นต้นแบบของการสร้างปราสาทเทพนิยายเจ้าหญิงนิทราที่สวนสนุกดิสนีย์แลนด์ พระเจ้าลูทวิชที่ 2 แห่งบาวาเรียเป็นผู้สร้างขึ้นในช่วงปีช่วง 1845 – 1886 เพื่อเป็นที่ประทับส่วนพระองค์อย่างสันโดษห่างจากผู้คน ไม่นานหลังจากพระองค์สิ้นพระชนม์ในปี 1886 ประสาทแห่งนี้ก็เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชม ซึ่งมีผู้เข้าเยี่ยมชมแล้วมากกว่า 61 ล้านคน
ทีมวิจัยได้จัดลำดับอาคารที่สวยที่สุดในโลกไว้ 50 อันดับ ตัวอย่างอาคารที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่อยู่ในลิสต์รายชื่อได้แก่ มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ (อันดับ 12), มหาพีระมิดแห่งกีซา (19), วิหารแพนธิออน (26), มหาวิหารซากราดาฟามีเลีย (32) และมหาวิหารนอเทรอดาม (46) เป็นต้น อาคารที่สวยงามที่สุดในโลกตามหลักวิทยาศาสตร์ 50 อันดับแรกดังตารางข้างล่าง
ข้อมูลและภาพจาก roofingmegastore, dailymail