เด็กหญิงมากพรสวรรค์ด้านศิลปะ
แบร์ธ โมริโซ เป็นชาวฝรั่งเศส เกิดเมื่อปี 1841 ที่เมือง Bourges ทางตอนกลางของประเทศฝรั่งเศส ในครอบครัวชนชั้นกลางฐานะดี พ่อเป็นข้าราชการระดับสูง แม่เป็นหลานของ Jean-Honoré Fragonard จิตรกรดังยุคบาโรกตอนปลาย โมริโซและ Edma พี่สาวต่างมีพรสวรรค์ด้านศิลปะเช่นเดียวกับทวดของพวกเธอ และได้รับการสนับสนุนจากพ่อแม่เป็นอย่างดี โดยจัดหาครูศิลปะมาสอนการเขียนภาพที่บ้านตั้งแต่ยังเยาว์วัย ครูสอนศิลปะทึ่งในพรสวรรค์ด้านศิลปะของโมริโซมากถึงกับบอกแม่ของเธอว่า โมริโซจะเป็นจิตรกรมืออาชีพที่อาจปฏิวัติวงการศิลปะในอนาคต ปี 1858 โมริโซและพี่สาวก้าวหน้าไปอีกขั้นเมื่อเริ่มต้นฝึกฝนพัฒนาฝีมือด้วยการคัดลอกภาพของศิลปินชั้นครูที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ในกรุงปารีส
การไปฝึกฝนที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ไม่เพียงช่วยยกระดับและพัฒนาฝีมือให้สูงขึ้น แต่เธอยังได้พบกับศิลปินมากหน้าหลายตา ทั้งศิลปินระดับครูบาอาจารย์ ศิลปินที่เริ่มโด่งดัง ไปจนถึงศิลปินรุ่นเยาว์ที่มาฝึกฝีมือแบบเดียวกับเธอ ปี 1861 โมริโซได้รู้จักกับ Jean-Baptiste-Camille Corot จิตรกรภาพทิวทัศน์เลื่องชื่อซึ่งได้สอนการเขียนภาพกลางแจ้ง (Plein Air Painting) แก่เธอ ภายใต้อิทธิพลของ Corot โมริโซได้พัฒนาฝีมืออย่างต่อเนื่องจนกระทั่งเริ่มประสบความสำเร็จเมื่อภาพ Study, The Water’s Edge และ The Old Track to Auvers ของเธอถูกคัดเลือกเข้าร่วมแสดงในนิทรรศการศิลปะ Paris Salon ในปี 1864 และนับจากนั้นผลงานของเธอได้เข้าร่วมใน Paris Salon ค่อนข้างต่อเนื่องเป็นเวลาเกือบสิบปี ดูเหมือนเธอน่าจะเป็นจิตรกรในแนวมาตรฐานตามกรอบของสถาบันที่ดูแล Paris Salon อยู่ แต่สไตล์ของโมริโซได้เปลี่ยนแปลงไปเมื่อเธอได้รู้จักกับ Édouard Manet
คู่หูร่วมสร้างสรรค์ศิลปะแนวใหม่
ปี 1869 โมริโซต้องสูญเสียคู่หูเขียนภาพคนสำคัญไปเมื่อ Edma ตัดสินใจแต่งงานและย้ายไปอยู่ที่เมือง Lorient และแทบไม่ได้เขียนภาพอีกเลย แต่ยังคงให้การสนับสนุนงานของน้องสาวอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการนั่งเป็นนางแบบในภาพ ดังนั้นจึงปรากฏภาพของ Edma ในผลงานสำคัญของโมริโซจำนวนมาก โมริโซต้องลุยเดี่ยวอยู่ไม่นานนักเพราะในปีเดียวกันนั่นเองเธอได้มอบภาพ The Harbor at Lorient ที่ Edma เป็นนางแบบให้แก่ Édouard Manet ศิลปินรุ่นพี่ผู้ได้สร้างความฮือฮาปั่นป่วนให้กับวงการศิลปะในกรุงปารีสด้วยผลงานชวนตะลึงที่แหวกกรอบขนบประเพณีไปมากซึ่งเธอรู้จักเมื่อปีที่แล้ว Manet ทึ่งในพรสวรรค์และเทคนิคบางอย่างของโมริโซ ขณะที่โมริโซก็ชื่นชอบในฝีมือและสไตล์ที่แปลกใหม่ของ Manet มาก ทั้งคู่จึงกลายเป็นเพื่อนสนิทเป็นคู่หูที่เขียนภาพด้วยกันเป็นประจำ และเธอยังเป็นนางแบบให้กับเขาในผลงานสำคัญหลายชิ้น
การแลกเปลี่ยนและเรียนรู้เทคนิคของกันและกันระหว่างเธอกับ Manet ช่วยให้ฝีมือของโมริโซพัฒนาก้าวหน้าและมีความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น โมริโซได้สร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมออกมาอย่างมากมายในช่วงเวลานี้ เช่น ภาพ The Cradle, Portrait of the Artist’s Mother and Sister, View of Paris from the Trocadero และ In a Villa at the Seaside เป็นต้น โมริโซเป็นผู้ชักชวนให้ Manet ทดลองเขียนภาพกลางแจ้งซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มศิลปินรุ่นใหม่ ทำให้ได้รู้จักและเป็นเพื่อนกับกลุ่มศิลปินหนุ่มได้แก่ Claude Monet, Pierre-Auguste Renoir, Camille Pissarro และอีกหลายคนซึ่งกำลังพัฒนาการเขียนภาพแนวใหม่ โมริโซได้ร่วมคิดสร้างสรรค์ศิลปะแนวใหม่กับศิลปินรุ่นใหม่เหล่านี้ และเมื่อผลงานของพวกเขาไม่เป็นที่ยอมรับของ Paris Salon พวกเขาจึงได้จัดตั้งกลุ่มเพื่อจัดแสดงผลงานของพวกเขาเองอย่างอิสระขึ้นมาในปี 1873 และโมริโซเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่มผู้ก่อตั้ง
คู่ใจผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ
โมริโซกับ Manet เป็นคู่หูร่วมเขียนภาพที่สนิทสนมกันมาก จนหลายคนเชื่อว่าความสัมพันธ์ทางใจของทั้งคู่น่าจะเกินความเป็นเพื่อน แต่ทั้งสองก็ไม่อาจพัฒนาความสัมพันธ์เป็นคู่รักกันได้ เนื่องจาก Manet แต่งงานมีลูกแล้ว ความสัมพันธ์ที่ดูเหมือนมีทีท่าว่าอาจจะก่อให้เกิดปัญหาครอบครัวได้นั้นถูกคลี่คลายไปในทางที่ดี และทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ยิ่งแนบแน่นมากขึ้นไปอีก เมื่อโมริโซตัดสินใจแต่งงานกับ Eugène น้องชายของ Manet กลายเป็นน้องสะใภ้ของเขาในปี 1974 โมริโซมีลูกสาวกับ Eugène คนหนึ่งชื่อ Julie ที่ต่อมาได้กลายเป็นนางแบบคนสำคัญของคุณแม่ และยังเป็นนางแบบให้กับเพื่อนของคุณแม่อีกหลายคนรวมทั้งคุณลุง Manet และคุณลุง Renoir
Eugène ก็เป็นจิตรกรที่มีความความทะเยอทะยานเหมือนกับพี่ชายและภรรยา เขาเคยเดินทางไปศึกษาผลงานของศิลปินชั้นครูที่ประเทศอิตาลีทั้งในเมืองฟลอเรนซ์, เวนิส และกรุงโรม แต่หลังจากแต่งงานกับโมริโซเขายอมเสียสละทิ้งความฝันของตัวเองเพื่อใช้เวลาทั้งหมดในการสนับสนุนการเขียนภาพของภรรยา โมริโซสามารถใช้ความสามารถ พรสวรรค์ และเวลาทั้งหมดทุ่มเทให้กับการสร้างสรรค์ผลงานโดยไม่ต้องเป็นกังวลกับภาระอื่นใด เพราะสามีของเธอจะช่วยจัดการดูแลทั้งหมด Eugène จึงเป็นคนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของโมริโซต่อจาก Edma และ Manet นอกจากนี้เขายังเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่ปรากฏตัวในผลงานสำคัญของโมริโซหลายชิ้น เช่น ภาพ Eugène Manet on the Isle of Wight, Eugène Manet and His Daughter at Bougival และ Eugène Manet and His Daughter in the Garden เป็นต้น
ยืนหยัดร่วมขบวนอิมเพรสชั่นนิสม์
แบร์ธ โมริโซ เป็นศิลปินที่ได้รับคำวิจารณ์ที่ดีเสมอมานับตั้งแต่ที่เธอเข้าร่วมแสดงผลงานใน Paris Salon ครั้งแรกในปี 1864 จนถึงปี 1873 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของเธอ หลังจากนั้นเธอก็ตัดขาดเลิกส่งผลงานเข้าร่วมแสดงใน Paris Salon อีกต่อไป แล้วหันมาเข้าร่วมแสดงผลงานในนิทรรศการของกลุ่มศิลปินรุ่นใหม่ที่ถูกขนานนามในเวลาต่อมาว่า “กลุ่มเพรสชั่นนิสม์” ซึ่งจัดขึ้นครั้งแรกในปี 1874 โมริโซเป็นศิลปินหญิงเพียงคนเดียวที่เข้าร่วมในนิทรรศการครั้งแรกของกลุ่ม ก่อนที่จะมีศิลปินหญิงคนอื่นเข้าร่วมในนิทรรศการครั้งต่อๆมาอีกหลายคน รวมทั้ง Mary Cassatt และ Marie Bracquemond ที่ต่อมาได้รับการยกย่องร่วมกับโมริโซเป็นศิลปินหญิงผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามแห่งลัทธิอิมเพรสชั่นนิสม์
งานนิทรรศการครั้งแรกของกลุ่มประสบความสำเร็จพอสมควรในแง่การให้ความสนใจ แต่การวิจารณ์ภาพเขียนที่จัดแสดงนั้นออกไปในทางเยาะเย้ยถากถางมากกว่ายกย่องชื่นชม ส่วนทางด้านการขายภาพเรียกได้ว่าแย่มาก เพราะมีคนซื้อภาพเขียนน้อยมาก และโมริโซก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ขายผลงานไม่ได้เลย แต่นี่คือจุดเริ่มต้นของหนึ่งในการเคลื่อนไหวทางศิลปะที่มีอิทธิพลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ โมริโซยืนหยัดร่วมกับกลุ่มอิมเพรสชั่นนิสม์ตั้งแต่ต้นจนจบ เธอส่งผลงานเข้าร่วมในนิทรรศการอิมเพรสชั่นนิสม์ที่จัดขึ้นทั้งหมด 8 ครั้งเกือบทุกครั้ง ยกเว้นเพียงครั้งเดียวในปี 1879 เนื่องจากเธอยังอ่อนล้าจากการคลอดลูกสาวเมื่อปลายปีก่อน ผลงานในแนวอิมเพรสชั่นนิสม์ของโมริโซยอดเยี่ยมมากโดยเฉพาะภาพ Woman at Her Toilette ที่เป็นหนึ่งในผลงานที่มีชื่อเสียงมากที่สุด, ภาพ The Psyche Mirror, Summer’s Day และ Hanging the Laundry out to Dry เป็นต้น
ผลงานยอดเยี่ยมขวัญใจนักวิจารณ์
ต่อมาภาพเขียนสไตล์อิมเพรสชั่นนิสม์เริ่มได้รับการยอมรับและเป็นที่ชื่นชอบมากขึ้น เสียงวิพากษ์วิจารณ์เริ่มเปลี่ยนเป็นด้านบวกมากขึ้น ขณะเดียวกันศิลปินก็เริ่มขายภาพได้มากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อล่วงเข้าทศวรรษ 1880s ภาพเขียนสไตล์อิมเพรสชั่นนิสม์เริ่มเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง มีนักสะสมงานศิลปะชาวอเมริกันและชาติอื่นเข้ามากว้านซื้อ ภาพเขียนแบบอิมเพรสชั่นนิสม์จึงเริ่มเฟื่องฟู โมริโซมีผลงานที่งดงามโดดเด่นด้วยฝีแปรงที่แผ่วเบา และนิยมใช้สีขาวที่ให้ความรู้สึกโปร่งใสซึ่งเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งในผลงานของเธอ หัวข้อที่เธอนำเสนอในภาพเขียนส่วนใหญ่เป็นเรื่องราววิถีชีวิตประจำวันของผู้หญิงและเด็กในสมัยนั้น และภาพทิวทัศน์จากการเขียนภาพกลางแจ้ง หรือนำสองสิ่งนี้มารวมกันในภาพเดียว ปกติโมริโซจะไม่เขียนภาพผู้ชายเลย ยกเว้นแต่เพียงภาพสามีของเธอเท่านั้น
ผลงานของโมริโซได้รับคำวิจารณ์ที่ดีมาโดยตลอด เธอเป็นหนึ่งในศิลปินอิมเพรสชั่นนิสม์ที่ได้รับการยกย่องชื่นชมจากนักวิจารณ์มากที่สุด เรียกว่าเป็นขวัญใจนักวิจารณ์ได้เลย ภาพเขียนของเธอก็ขายได้มากกว่าศิลปินในกลุ่มแทบทุกคน และที่พิเศษยิ่งคือภาพ Young Girl in a Ball Gown ของเธอถูกซื้อไปโดยรัฐบาลฝรั่งเศสซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนักสำหรับศิลปินอิมเพรสชั่นนิสม์ แต่ทว่าชื่อเสียงของเธอกลับไม่ค่อยโด่งดังเหมือนกับศิลปินชายในกลุ่ม ซึ่งก็น่าจะเนื่องมาจากการที่เธอเป็นผู้หญิงนั่นเอง ในสมัยนั้นผู้หญิงยังถูกกีดกันและถูกด้อยค่าไม่ค่อยให้การยกย่องเท่าเทียมกับผู้ชาย และดูเหมือนสิ่งนี้จะติดค้างอยู่ในใจของโมริโซอยู่ไม่น้อย
ศิลปินหญิงที่โดดเด่นแห่งยุคสมัย
โมริโซเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการจัดนิทรรศการของกลุ่มอิมเพรสชั่นนิสม์ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 1886 หลังจากนั้นเหล่าศิลปินต่างแยกย้ายไปทำงานในแนวทางของตัวเอง โมริโซเริ่มเปลี่ยนแปลงสไตล์การเขียนภาพไปจากเดิม ฝีแปรงดูมีน้ำหนักและหยาบขึ้น การใช้สีก็ดูมีความเข้มข้นกว่าเดิม แต่เธอยังคงนำเสนอเรื่องราววิถีชีวิตของผู้หญิงและเด็กดังเดิม และเธอยังคงจัดแสดงผลงานร่วมกับศิลปินหัวก้าวหน้าทั้งในและต่างประเทศ โมริโซได้สร้างผลงานยอดเยี่ยมอีกมากมายและยังคงสวยงามในสไตล์ที่แตกต่างจากเดิมไปบ้าง ผลงานที่โดดเด่นในช่วงหลังนี้ได้แก่ภาพ Young Girl in a Park, Nude Reclining Shepherdess, Girl with a Dog และ Reading เป็นต้น
ล่วงเข้าทศวรรษ 1890s Eugène สามีของโมริโซเริ่มประสบปัญหาสุขภาพไม่ดีและเสียชีวิตไปในปี 1892 สามปีต่อมา Julie ลูกสาวของเธอป่วยติดเชื้อโรคปอดอักเสบ โมริโซดูแลรักษาจนลูกสาวหายดี แต่ตัวเธอเองกลับป่วยหนักด้วยโรคปอดอักเสบและเสียชีวิตในปี 1895 ขณะมีอายุ 54 ปี Julie ในวัยแรกรุ่นจึงกลายเป็นกำพร้าทั้งพ่อและแม่ คุณลุง Manet ก็เสียชีวิตไปก่อนหลายปีแล้ว เธอจึงต้องไปอาศัยอยู่กับญาติ และได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนๆของแม่ โดยเฉพาะคุณลุง Renoir หลังจากเสียชีวิตไปชื่อของโมริโซแทบเลือนหายไปจากความทรงจำของผู้คน แต่ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมที่เธอสร้างเอาไว้ในเวลาต่อชื่อเสียงของเธอก็ได้รับการฟื้นฟู และได้รับการยกย่องเป็นศิลปินหญิงที่โดดเด่นแห่งยุคอิมเพรสชั่นนิสม์
ผลงานงดงามประทับใจไม่รู้ลืม
แบร์ธ โมริโซเป็นจิตรกรในลัทธิอิมเพรสชั่นนิสม์ที่มีผลงานยอดเยี่ยม เธอมีผลงานที่ดีเยี่ยมตั้งแต่อายุยังน้อยกับการเขียนภาพในสไตล์ร่วมสมัย ก่อนที่เปลี่ยนมาริเริ่มสร้างสรรค์ศิลปะแบบอิมเพรสชั่นนิสม์ได้อย่างโดดเด่น และต่อไปนี้คือส่วนหนึ่งของผลงานอันน่าประทับใจของศิลปินหญิงผู้โดดเด่นคนนี้
Early Works (1860 – 1870)
Mature Period (1870 – 1875)
Impressionism Period (1875 – 1886)
Later Years (1886 – 1894)
ภาพเขียนอิมเพรสชั่นนิสม์จากหลากหลายศิลปินได้สร้างความประทับใจแก่ผู้คนยาวนานกว่าร้อยปีมาแล้ว ผู้ที่ริเริ่มคิดค้นการเขียนภาพแนวนี้จึงได้รับการยกย่องชื่นชมอย่างสูง และแบร์ธ โมริโซคือศิลปินหญิงหนึ่งเดียวในกลุ่มผู้ริเริ่มศิลปะอิมเพรสชั่นนิสม์ อีกทั้งผลงานของเธอก็งดงามยอดเยี่ยมมาก เธอจึงได้รับการยกย่องทัดเทียมกับศิลปินอิมเพรสชั่นนิสม์ชื่อก้องโลกอีกหลายคน
ข้อมูลและภาพจาก wikipedia, theartstory, impressionistarts