พ่อล้มละลายส่งลูกสาวสู่วงการศิลปะ
จูดิธ เลย์สเตอร์ เป็นชาวดัตช์ เกิดเมื่อปี 1609 ที่เมืองฮาร์เลม ทางตะวันตกของประเทศเนเธอร์แลนด์ ไม่ไกลจากกรุงอัมสเตอร์ดัม เธอเป็นลูกคนที่แปดจากทั้งหมดเก้าคนของเจ้าของโรงเบียร์ฐานะดี ครอบครัวของเลย์สเตอร์อยู่กันอย่างสุขสบายจนถึงปี 1625 พ่อของเธอประสบปัญหาทางธุรกิจกลายเป็นบุคคลล้มละลาย เลย์สเตอร์และพี่น้องของเธอจึงต้องเริ่มทำงานในวัยแรกรุ่นเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว และเส้นทางอาชีพที่เธอเลือกคือการเป็นจิตรกรอาชีพเพราะเธอมีพรสวรรค์ทางด้านนี้
ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเลย์สเตอร์เรียนการเขียนภาพกับใคร แต่นักประวัติศาสตร์ศิลปะเชื่อว่าเธออาจจะฝึกฝนฝีมือกับ Frans Pietersz de Grebber จิตรกรฝีมือดีคนหนึ่งของเมืองฮาร์เลมที่มีลูกสาวในวัยใกล้เคียงกับเลย์สเตอร์ซึ่งต่อมาเป็นจิตรกรหญิงฝีมือดี หรือเลย์สเตอร์อาจจะเคยฝึกงานอยู่ในสตูดิโอของ Frans Hals จิตรกรคนสำคัญแห่งยุคที่อาศัยอยู่ที่เมืองฮาร์เลม อันเนื่องจากสไตล์การเขียนภาพของเลย์สเตอร์คล้ายกับผลงานของ Frans Hals อย่างมาก นอกจากนี้เลย์สเตอร์ยังอาจจะได้รับอิทธิพลจากกลุ่มจิตรกรสาวกของ Caravaggio ที่เมือง Utrecht ซึ่งครอบครัวของเธอย้ายไปอาศัยอยู่ช่วงหนึ่ง และนั่นอาจส่งผลให้ภาพเขียนของเธอหลายภาพมีการใช้แสงและเงาที่โดดเด่นตามแบบฉบับของต้นตำรับอย่าง Caravaggio รวมทั้งภาพ The Last Drop ที่เป็นผลงานในช่วงแรกๆของเธอ
สร้างผลงานยิ่งใหญ่ในเวลาเพียง 6 ปี
เลย์สเตอร์เป็นศิลปินมากพรสวรรค์อายุแค่ 20 ปีก็มีผลงานที่ยอดเยี่ยมระดับมืออาชีพแล้วอย่างเช่นภาพ Serenade, The Jolly Toper และ Merry Trio ในปี 1633 เลย์สเตอร์ในวัยเพียง 24 ปีก็ได้เข้าเป็นสมาชิกผู้หญิงคนแรกๆในสมาคมศิลปินอาชีพแห่งเมืองฮาร์เลมบ้านเกิดของเธอ หลังจากนั้นเพียงสองปีเธอมีลูกศิษย์ผู้ชาย 3 คน หนึ่งในนั้นเป็นต้นเหตุให้เธอฟ้องร้อง Frans Hals จิตรกรคนสำคัญที่สุดในเมืองว่าได้รับเขาไปเป็นลูกศิษย์โดยไม่ขออนุญาตจากเธอจนอีกฝ่ายต้องจ่ายเงินชดเชยให้ หลังเหตุการณ์ชื่อเสียงของเลย์สเตอร์ในฐานะจิตรกรหญิงฝีมือดีก็เลื่องลือไปทั่ว
เลย์สเตอร์ชอบเขียนภาพชีวิตประจำวันและภาพเหมือนบุคคล จุดเด่นในสไตล์การเขียนภาพของเธออยู่ที่ท่าทางสบายๆและมีชีวิตชีวาของคนในภาพรวมทั้งการแสดงอารมณ์บนใบหน้าที่ชัดเจน ผลงานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเป็นภาพเหมือนตัวเองชื่อ Self-portrait by Judith Leyster ซึ่งถูกยกย่องเป็นผลงานชิ้นเอกของสมาคมศิลปินอาชีพแห่งเมืองฮาร์เลม เลย์สเตอร์ทำงานเขียนภาพแบบเต็มที่อยู่เพียงแค่ 6 ปีเท่านั้น แต่ได้สร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมไว้จำนวนไม่น้อย ผลงานที่โดดเด่นได้แก่ภาพ The Young Flute Player, A Boy and a Girl with a Cat and an Eel และ Carousing Couple เป็นต้น
จิตรกรหญิงผู้สาบสูญจากประวัติศาสตร์
ปี 1636 เลย์สเตอร์แต่งงานกับ Jan Miense Molenaer จิตรกรฝีมือดีที่เป็นสมาชิกของสมาคมศิลปินอาชีพแห่งเมืองฮาร์เลมเหมือนกัน เลย์สเตอร์กับสามีย้ายไปอยู่ที่เมืองอัมสเตอร์ดัมเพื่อโอกาสของงานที่ดีกว่า ทั้งคู่อยู่ที่นั่น 11 ปีก่อนจะย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านเกิดอย่างถาวร หลังจากแต่งงานเลย์สเตอร์ทำหน้าที่ภรรยาและแม่ของลูกเป็นหลัก เธอเขียนภาพน้อยลงมากแต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังมีผลงานที่ยอดเยี่ยมอย่างเช่นภาพ Self-portrait (1653) รวมทั้งภาพหุ่นนิ่งอีกหลายภาพ รวมทั้งภาพ Still Life with a Basket of Fruit และ Early Brabantson Tulip เลย์สเตอร์เสียชีวิตในปี 1660 มีอายุ 50 ปี
หลังจากเลย์สเตอร์เสียชีวิตชื่อของเธอดูเหมือนจะหายสาบสูญไปจากความทรงจำของผู้คนนานกว่า 200 ปี ผลงานทั้งหมดของเธอถูกเข้าใจว่าเป็นผลงานของสามีของเธอหรือไม่ก็เป็นผลงานของ Frans Hals จนกระทั่งถึงปี 1893 ภาพ Carousing Couple หรือที่รู้จักกันในชื่อ The Jolly Companions ซึ่งตอนนั้นเข้าใจกันว่าเป็นผลงานของ Frans Hals ถูกค้นพบว่ามีลายเซ็นของเลย์สเตอร์ซ่อนอยู่ใต้ลายเซ็นปลอมของ Frans Hals จึงมีการค้นหาและตรวจสอบจนค้นพบผลงานของเลย์สเตอร์รวมกว่า 30 ภาพซึ่งล้วนเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยม ชื่อเสียงของเธอจึงถูกฟื้นฟูขึ้นใหม่ และเธอได้รับการยกย่องเป็นยอดจิตรกรหญิงแห่งยุคบาโรกผู้มีผลงานโดดเด่นไม่แพ้ผู้ชาย
ผลงานที่โดดเด่นงดงามและมีชีวิตชีวา
ถึงแม้ว่าเลย์สเตอร์ทำงานเขียนภาพอย่างเต็มที่เพียงไม่กี่ปีและมีจำนวนผลงานไม่มากนัก แต่ภาพเขียนของเธอมีความงดงามและมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นมาก และต่อไปนี้คือส่วนหนึ่งของผลงานของจิตรกรหญิงยอดฝีมือแห่งยุคบาโรก
ในยุคบาโรกมีศิลปินหญิงเพียงไม่กี่คนที่มีฝีมือและผลงานทัดเทียมกับศิลปินชาย จูดิธ เลย์สเตอร์คือหนึ่งในศิลปินหญิงที่โดดเด่นที่สุด ผลงานของเธอมีส่วนต่อการเข้าสู่ยุคทองของเนเธอร์แลนด์ที่ศิลปะและวิทยาการเจริญถึงจุดสูงสุดและเลื่องลือไปทั่วโลก
ข้อมูลและภาพจาก artnews, theartstory, wikipedia