AI ก้าวล้ำหน้าไปอีกขั้นเมื่อตอบปัญหาทางการแพทย์ได้ดีกว่าแพทย์ตัวจริงหลายเท่า

AI ถูกคาดหมายว่าจะเข้ามาทำหน้าที่แทนมนุษย์ในหลายๆหน้าที่ และไม่น่าเชื่อว่ามันจะเข้ามาทำหน้าที่แทนคุณหมอในการรักษาผู้ป่วยได้ แต่เรื่องนี้อาจเป็นจริงในอนาคตอันใกล้แล้วก็ได้ เมื่อ ChatGPT แชทบอทที่กำลังโด่งดังของค่าย OpenAI สามารถตอบปัญหาทางการแพทย์ได้ดีกว่าแพทย์ตัวจริงหลายเท่า

ChatGPT เป็นซอฟท์แวร์ที่ได้รับการพัฒนาให้สามารถตอบโต้สื่อสารผ่านข้อความกับมนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ มันถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัท OpenAI ห้องแล็บวิจัยปัญญาประดิษฐ์ซึ่งร่วมก่อตั้งโดยนักพัฒนาเทคโนโลยีคนสำคัญหลายคน รวมทั้ง Elon Musk มหาเศรษฐีคนดังด้วย ChatGPT เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปลายปี 2022 นี่เอง แต่ด้วยความสามารถที่ยอดเยี่ยมมันจึงได้สร้างความฮือฮาไปทั่วโลก

ทีมนักวิจัยที่มหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนียได้ทำการศึกษาเพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการตอบปัญหาทางการแพทย์ของเจ้า ChatGPT กับแพทย์ตัวจริง โดยใช้คำถามที่เป็นปัญหาทางการแพทย์ซึ่งประชาชนสอบถามทางเว็บไซต์จำนวน 195 คำถามมาให้ ChatGPT ตอบ แล้วให้คณะแพทย์ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญที่ทำงานด้านอายุรศาสตร์ กุมารเวชศาสตร์ มะเร็งวิทยา และโรคติดเชื้อเป็นผู้พิจารณาคำตอบ

ทีมวิจัยนำคำตอบของ ChatGPT และของแพทย์ที่ได้ตอบจริงๆทางเว็บไซต์มาให้คณะแพทย์พิจารณาและบอกว่าพอใจคำตอบไหนมากกว่าโดยที่ไม่รู้ว่าคำตอบใดเป็นของใคร แต่ละคำถามจัดให้มีคณะแพทย์ 3 คณะเป็นผู้พิจารณาคำตอบ ดังนั้นผลการประเมินคำตอบจาก 195 คำถามจึงมีทั้งหมด 585 รายการ จากผลการประเมินทั้งหมดพบว่าในด้าน “คุณภาพของข้อมูล” คณะกรรมการพอใจคำตอบของ ChatGPT ถึง 79% มากกว่าของแพทย์จริงเกือบ 4 เท่า

ส่วนผลการประเมินคำตอบทางด้าน “ความเห็นอกเห็นใจ” คณะกรรมการพอใจคำตอบของ ChatGPT มากกว่าของแพทย์จริงเกือบ 10 เท่า คำตอบของ ChatGPT มีความยาวกว่าคำตอบของแพทย์จริงราว 4 เท่า โดยคำตอบของ ChatGPT มีความยาวโดยเฉลี่ย 211 คำ ในขณะที่คำตอบของแพทย์จริงมีความยาวเฉลี่ยเพียง 52 คำ ยกตัวอย่างคำถามที่ว่า “อะไรคือความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตหลังจากกลืนไม้จิ้มฟันเข้าไป?”

แพทย์จริงตอบว่า “”ถ้าผ่านไปเกิน 2-6 ชั่วโมงมีโอกาสที่มันจะผ่านเข้าไปในลำไส้ของคุณ ซึ่งหมายความว่าไม่สามารถนำมันกลับออกมาได้ง่ายๆ หลายคนสามารถกลืนใบมีดโกนและไม้จิ้มฟันได้โดยไม่มีปัญหา ถ้าในกรณีที่คุณปวดท้องก็อย่าลังเลที่จะไปห้องฉุกเฉิน สำหรับตอนนี้พวกเขาจะไม่ทำอะไรมาก”

คำตอบของ ChatGPT คือ “เป็นเรื่องปกติที่จะมีความกังวลหากคุณกลืนกินสิ่งแปลกปลอมเข้าไป แต่ในกรณีนี้ไม่น่าเป็นไปได้มากนักที่ไม้จิ้มฟันที่คุณกลืนเข้าไปจะทำอันตรายร้ายแรงใดๆแก่คุณ ไม้จิ้มฟันทำจากไม้ซึ่งไม่เป็นพิษและจะไม่ก่อให้เกิดพิษ อย่างไรก็ตามมันเป็นไปได้ที่ไม้จิ้มฟันจะทำให้เกิดการบาดเจ็บหากติดคอหรือทิ่มแทงอวัยวะในระบบทางเดินอาหาร อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับไม้จิ้มฟันที่ทื่อและมีขนาดเพียง 2 ซม. หากคุณรู้สึกไม่สบายหรือมีอาการใดๆ เช่น ปวดท้อง กลืนลำบาก หรืออาเจียน สิ่งสำคัญคือต้องติดต่อผู้ให้บริการด้านสุขภาพเพื่อรับการประเมินเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามหากคุณไม่มีอาการใดๆก็สามารถสันนิษฐานว่าไม้จิ้มฟันได้ผ่านระบบย่อยอาหารของคุณแล้ว และคุณไม่ต้องเป็นกังวล คุณควรระมัดระวังเมื่อรับประทานอาหารและเอาสิ่งแปลกปลอมออกก่อนเสมอ เป็นที่เข้าใจได้ว่าคุณอาจรู้สึกหวาดระแวง แต่พยายามอย่ากังวลมากเกินไป ไม่น่าเป็นไปได้อย่างยิ่งที่ไม้จิ้มฟันจะทำอันตรายร้ายแรงแก่คุณ”

งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่าในการตอบปัญหาทางการแพทย์ ChatGPT อาจสร้างความประทับใจได้ดีกว่าแพทย์ที่มีงานยุ่งและอาสามาตอบคำถามทางออนไลน์ แต่นั่นก็ยังไม่อาจสรุปได้ว่า ChatGPT มีการวินิจฉัยโรคได้ดีกว่าแพทย์จริง และจำเป็นอย่างยิ่งที่คำตอบทางการแพทย์ของ ChatGPT จะต้องได้รับการตรวจสอบอย่างรอบคอบโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

อย่างไรก็ตามจากงานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่าแพทย์สามารถใช้ AI เป็นผู้ช่วยได้ อย่างเช่นในการตอบคำถามทางการแพทย์อาจให้ ChatGPT ช่วยเตรียมคำตอบให้แล้วแพทย์มาตรวจแก้ไขก่อนที่จะโพสต์ตอบ และแชทบอท AI อาจ “ช่วยลดการเข้ารับการตรวจทางคลินิกที่จำเป็น” และ “ส่งเสริมความเสมอภาคของผู้ป่วย” สำหรับผู้ที่เผชิญกับอุปสรรคในการเข้าถึงการรักษาพยาบาล เป็นต้น

 

ข้อมูลและภาพจาก sciencealert, businessinsider

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *