ฝึกฝีมือกับบรมครูยุคนีโอคลาสสิก
มารี บร้าคเกอม็องด์ เป็นชาวฝรั่งเศส เกิดเมื่อปี 1840 ที่ Argenton-en-Landunvez เมืองชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของประเทศฝรั่งเศส พ่อของบร้าคเกอม็องด์เสียชีวิตหลังเธอเกิดได้ไม่นาน แม่ของเธอแต่งงานใหม่อย่างรวดเร็ว ครอบครัวของบร้าคเกอม็องด์ย้ายที่อยู่หลายครั้งและไปอยู่ไกลถึงสวิตเซอร์แลนด์ ก่อนที่จะมาลงหลักปักฐานอยู่ที่ Étampes เมืองเล็กๆทางตอนใต้ของกรุงปารีสตอนที่เธอมีอายุราว 9 ปี และที่นั่นเองที่บร้าคเกอม็องด์ได้เรียนการเขียนภาพเป็นครั้งแรกกับจิตรกรชราผู้ทำงานซ่อมแซมภาพเขียนและสอนพวกเด็กสาวในเมือง ด้วยพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมทำให้บร้าคเกอม็องด์มีฝีมือพัฒนาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ในวัย 16 ปีผลงานชิ้นหนึ่งของเธอได้รับการยอมรับเข้าร่วมแสดงในนิทรรศการ Paris Salon และยังเป็นใบเบิกทางให้เธอได้พบกับ Jean-Auguste-Dominique Ingres ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคนีโอคลาสสิก
บรมครู Ingres เห็นพรสวรรค์ของบร้าคเกอม็องด์และรับเธอเป็นลูกศิษย์ได้ทำงานฝึกฝีมือในสตูดิโอของเขาซึ่งดูเหมือนจะเป็นโอกาสที่ดีมาก แต่กลับกลายเป็นว่าเธอได้รับมอบหมายให้เขียนภาพพื้นๆพวกดอกไม้ ผลไม้ และภาพหุ่นนิ่งต่างๆ ไม่เคยมีโอกาสได้เขียนภาพสำคัญ บร้าคเกอม็องด์คิดว่า Ingres คงจะสงสัยในพลังขับเคลื่อนและความพยายามในการเขียนภาพของจิตรกรผู้หญิงซึ่งทำให้เธอรู้สึกขมขื่น และในที่สุดเธอได้ออกจากสตูดิโอของ Ingres และเริ่มรับงานของตัวเอง หนึ่งในงานที่เธอได้รับการว่าจ้างเป็นการเขียนภาพให้กับจักรพรรดินี Empress Eugenie และต่อมาเธอก็ได้งานคัดลอกภาพเขียนของศิลปินชั้นครูยุคก่อนในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ และในระหว่างการคัดลอกภาพเขียนในลูฟวร์นี่เองที่เธอได้พบกับศิลปินหนุ่มชาวฝรั่งเศส Félix Bracquemond ผู้กลายเป็นสามีของเธอในอีก 2 ปีต่อมา
เส้นทางเปลี่ยนไปเมื่อพบกับคู่ชีวิต
บร้าคเกอม็องด์แต่งงานกับ Félix Bracquemond ในปี 1869 ปีต่อมาเธอให้กำเนิด Pierre ลูกชายคนเดียวของทั้งคู่ Félix Bracquemond เป็นจิตรกรที่เชี่ยวชาญเรื่องงานภาพพิมพ์กัดกรดโลหะ (Etching) เขาเป็นผู้นำและมีส่วนสำคัญในการฟื้นฟูงานภาพพิมพ์โลหะของฝรั่งเศสคนหนึ่ง นอกจากนี้เขายังเชี่ยวชาญในงานออกแบบตกแต่งเซรามิกและมีผลงานจำนวนมาก เขามีตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายศิลป์ของโรงงานผลิตเซรามิกใหญ่ บร้าคเกอม็องด์น่าจะถือคติแต่งงานแล้วคล้อยตามสามี หลังแต่งงานเธอก็ทำงานด้วยกันกับสามีที่โรงงานผลิตเซรามิก เธอออกแบบและเขียนภาพบนจานและเครื่องเซรามิกอื่นๆ ผลงานของเธอเคยเข้าร่วมแสดงในงานมหกรรมโลก Universal Exhibition ที่กรุงปารีสเมือปี 1878 ด้วย
สามีของบร้าคเกอม็องด์สอนเธอให้ทำงานภาพพิมพ์กัดกรดโลหะซึ่งเธอเรียนรู้และทำได้ดีเสียด้วย งานภาพพิมพ์ของเธอได้เข้าร่วมแสดงในนิทรรศการศิลปะเลยทีเดียว มีผลงานเด่นๆ เช่น ภาพ Woman Painting at the Easel และ Portrait of Pierre Bracquemond เป็นต้น ส่วนงานเขียนภาพเธอก็ไม่ได้ทิ้งยังคงฝึกฝีมือสร้างผลงานอยู่บ่อยๆแม้ไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ ผลงานภาพเขียนของบร้าคเกอม็องด์มักได้เข้าร่วมแสดงในนิทรรศการ Paris Salon เป็นประจำ ผลงานภาพเขียนสำคัญในช่วงนี้ของเธอได้แก่ภาพ Self-portrait (1870), Woman in the Garden และ Pierre Bracquemond as a Child เป็นต้น รวมทั้งมีผลงานภาพเขียนสีน้ำที่ยอดเยี่ยมอีกหลายภาพ
ร่วมขบวนกับกระแสศิลปะแนวใหม่
ช่วงปลายทศวรรษ 1870s กระแสความนิยมในศิลปะแนวใหม่ที่เรียกว่าศิลปะอิมเพรสชั่นนิสม์เริ่มแผ่ขยายอิทธิพลในวงการศิลปะ ในกลุ่มศิลปินอิมเพรสชั่นนิสม์มีหลายคนเป็นเพื่อนและได้รับคำแนะนำในเรื่องงานภาพพิมพ์กัดกรดโลหะจากสามีของบร้าคเกอม็องด์ เช่น Édouard Manet, Edgar Degas และ Camille Pissarro บร้าคเกอม็องด์ชื่นชอบในศิลปะแบบอิมเพรสชั่นนิสม์ อีกทั้งเธอเองก็ชอบเขียนภาพกลางแจ้งที่ศิลปินกลุ่มนี้ชอบทำอยู่แล้วมาตั้งแต่เด็ก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เธอได้พบกับ Claude Monet และ Edgar Degas สไตล์การเขียนภาพของเธอก็เริ่มเปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อเธอซึมซับหลักการของลัทธิอิมเพรสชันนิสม์
บร้าคเกอม็องด์สร้างผลงานภาพเขียนในสไตล์อิมเพรสชั่นนิสม์ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม จนเป็นที่ยอมรับของกลุ่มศิลปินอิมเพรสชั่นนิสม์ และได้เชิญเธอส่งผลงานเข้าร่วมแสดงในนิทรรศการของกลุ่ม บร้าคเกอม็องด์ส่งผลงานภาพเข้าร่วมในนิทรรศการศิลปะอิมเพรสชั่นนิสม์รวม 3 ครั้งในปี 1879, 1880 และ 1886 ผลงานหลายชิ้นของบร้าคเกอม็องด์มีความโดดเด่นและได้รับการชื่นชมว่าเข้าถึงสไตล์อิมเพรสชั่นนิสม์อย่างสมบูรณ์ บางคนยกย่องว่าผลงานบางชิ้นของเธอทำได้ดีกว่าจิตรกรหญิงคนเดียวผู้ร่วมคิดค้นและก่อตั้งกลุ่มศิลปะอิมเพรสชั่นนิสม์อย่าง Berthe Morisot เสียอีก ผลงานสำคัญของเธอในช่วงนี้ได้แก่ภาพ On the Terrace at Sèvres, Afternoon Tea และ Lady in White เป็นต้น
หนึ่งในสามสตรีแห่งอิมเพรสชั่นนิสม์
ในปี 1886 สามีของบร้าคเกอม็องด์ได้พบกับ Paul Gauguin ศิลปินอิมเพรสชั่นนิสม์ยุคหลังคนสำคัญที่ตอนนั้นยังเป็นศิลปินยากไร้และซื้อภาพเขียนของเขาภาพหนึ่ง รวมทั้งพาเขามาที่บ้านด้วย บร้าคเกอม็องด์ได้รับคำแนะนำหลายอย่างจาก Gauguin โดยเฉพาะวิธีการเตรียมผ้าใบเพื่อให้ได้โทนสีที่ต้องการ Alfred Sisley เป็นศิลปินอิมเพรสชั่นนิสม์อีกคนหนึ่งที่ใกล้ชิดกับบร้าคเกอม็องด์ เนื่องจากเธอเป็นเพื่อนกับ Marie-Louise Adelaide-Eugenie Sisley ที่ต่อมาเป็นภรรยาของ Sisley บร้าคเกอม็องด์ได้เขียนภาพที่ทั้งสองคนนั่งที่โต๊ะอาหารค่ำในบ้านของบร้าคเกอม็องด์ซึ่งสว่างไสวด้วยแสงจากตะเกียงแก๊ส ภาพนี้กลายเป็นผลงานสำคัญอีกชิ้นหนึ่งของเธอคือภาพ Under the Lamp
ขณะที่บร้าคเกอม็องด์ได้พัฒนาฝีมือและผลงานร่วมกับกลุ่มศิลปินอิมเพรสชั่นนิสม์อย่างต่อเนื่อง เธอกลับต้องประสบกับปัญหาหนักอกเพราะสามีเริ่มไม่ชอบความเคลื่อนไหวของกลุ่มศิลปินอิมเพรสชั่นนิสม์ เขาเริ่มวิพากษ์วิจารณ์งานของเธอในทางลบและไม่พอใจกับความสำเร็จของเธอ เขาปฏิเสธที่จะนำผลงานของเธอมาให้เพื่อนๆในวงการที่มาเยี่ยมเขาที่บ้านได้เห็น และการต่อต้านของเขานำไปสู่การขัดแย้งในครอบครัวซึ่งทำให้บร้าคเกอม็องด์อ่อนล้าและท้อแท้ จนในที่สุดเธอต้องตัดสินใจเลิกการเขียนภาพเพื่อรักษาครอบครัวเอาไว้ ดังนั้นนักประวัติศาสตร์ศิลปะมักจะละเลยที่จะพูดถึงเธอเนื่องจากเธอมีผลงานไม่มากนักและไม่ค่อยแพร่หลาย บร้าคเกอม็องด์เสียชีวิตเมื่อปี 1916 มีอายุ 75 ปี ต่อมาผลงานที่ถูกเมินของบร้าคเกอม็องด์ได้รับการเผยแพร่สู่สายตาสาธารณชนมากขึ้นจนเป็นที่ยอมรับและให้การยกย่องเป็นหนึ่งในสามสตรีแห่งอิมเพรสชั่นนิสม์ร่วมกับ Mary Cassatt และ Berthe Morisot
ผลงานน้อยชิ้นแต่มากความประทับใจ
บร้าคเกอม็องด์เป็นจิตรกรหญิงมากพรสวรรค์อีกคนหนึ่ง เธอเริ่มต้นฝึกฝีมือในแนวนีโอคลาสสิก แต่มาเปล่งประกายโดดเด่นเมื่อเปลี่ยนมาเขียนภาพในสไตล์อิมเพรสชั่นนิสม์ น่าเสียดายที่เธอมีผลงานค่อนข้างน้อยเนื่องจากไม่ได้รับการสนับสนุนจากสามี แต่ผลงานหลายภาพของเธอมีความงดงามน่าประทับใจมาก และต่อไปนี้คือส่วนหนึ่งของผลงานที่ยอดเยี่ยมของศิลปินหญิงแห่งอิมเพรสชั่นนิสม์คนนี้
Early Works (1870 – 1880)
Impressionism Period (1880 – 1890)
Later Years (1890 – 1900)
Etching & Ceramics Works
ในลัทธิอิมเพรสชั่นนิสม์ศิลปินที่มีชื่อเสียงโด่งดังส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย บร้าคเกอม็องด์เป็นอีกคนหนึ่งที่ได้แสดงให้เห็นว่าศิลปินฝ่ายหญิงก็มีฝีมือและความสามารถมิได้ยิ่งหย่อนไปกว่าฝ่ายชาย เพียงแต่ถ้าเธอผู้นี้มีโอกาสได้ทุ่มเทอย่างเต็มที่ ประวัติศาสตร์ศิลปะช่วงนี้อาจจะแตกต่างไปจากเดิมก็เป็นได้
ข้อมูลและภาพจาก wikipedia, theartstory, streetartmuseumtours