และต่อไปนี้คือ 10 สุดยอดพิพิธภัณฑ์ศิลปะและหอศิลป์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด สะสมผลงานศิลปะระดับสุดยอดของโลกไว้มากที่สุด และได้รับความชื่นชอบและดึงดูดใจให้อยากไปเยี่ยมชมจากผู้คนทั่วโลกมากที่สุด
1. Musée du Louvre : Paris, France
พิพิธภัณฑ์ลูฟร์เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแซนใจกลางกรุงปารีส จัดแสดงงานศิลปะจากหลายยุคหลายสมัยตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงยุคปัจจุบันกว่า 35,000 ชิ้น เดิมเป็นพระราชวังของกษัตริย์ฝรั่งเศส ทำเป็นพิพิธภัณฑ์ตั้งแต่ปี 1793 ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์มีพีระมิดแก้วที่สร้างขึ้นในปี 1989 เพื่อใช้เป็นประตูทางเข้าชั้นใต้ดิน มีเอกลักษณ์โดดเด่นเป็นที่จดจำจนกลายเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของพิพิธภัณฑ์ลูฟร์
งานศิลปะที่ดึงดูดใจผู้คนให้หลั่งไหลกันมาเยี่ยมชมที่นี่คือ ภาพเขียนโมนาลิซา (Mona Lisa) ผลงานชิ้นเอกของเลโอนาร์โด ดา วินชี รอยยิ้มมุมปากอันทรงเสน่ห์ของเธอคือส่วนหนึ่งที่ทำให้พิพิธภัณฑ์ลูฟร์เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่มีผู้เยี่ยมชมมากที่สุดในโลก (กว่า 9 ล้านคนในปี 2014)
มีภาพเขียนระดับมาสเตอร์พีซที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์อีกมากมายนับร้อยภาพจากศิลปินชื่อดัง โดยเฉพาะในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา (Renaissance) เช่น Madonna of the Rocks ของเลโอนาร์โด ดา วินชี, The Bather ของฌ็อง-โอกุสต์-ดอมีนิก แอ็งกร์, Psyche and Amor ของฟร็องซัว เฌราร์, Liberty Leading the People ของเออแฌน เดอลาครัว, The Coronation of Napoleon ของฌาค-หลุยส์ ดาวิด, Madonna of Chancellor Rolin ของยัน ฟัน ไอก์, Bathsheba at Her Bath ของแรมบรันต์, Joseph the Carpenter ของฌอร์ฌ เดอ ลา ตูร์, Grande Odalisque ของ ฌ็อง-โอกุสต์-ดอมีนิก แอ็งกร์ ฯลฯ ล้วนแล้วแต่เป็นงานระดับสุดยอดที่ได้ชมแล้วจะสุดแสนประทับใจ เฉพาะภาพเขียนอย่างเดียวดูกันทั้งวันก็ยังไม่หมด
งานศิลปะที่โด่งดังมากที่สุดอีกชิ้นหนึ่งคือ วีนัส เดอมิโล (Venus de Milo) งานประติมากรรมจากยุคกรีกราว 100 ปีก่อนคริสต์ศักราช แกะสลักหินอ่อนเป็นรูปเทพีวีนัสที่เป็นเทพธิดาแห่งความรักและความงามของกรีก วีนัส เดอมิโลถูกพบจากซากปรักหักพังของเมืองโบราณบนเกาะมิโลเมื่อปี 1820 เป็นรูปเปลือยที่แสดงสรีระและกล้ามเนื้อได้สมบูรณ์แบบ มีส่วนสัดของร่างกายและการจัดวางท่วงท่างดงามยิ่ง
อีกไฮไลท์หนึ่งของพิพิธภัณฑ์ลูฟร์เป็นประติมากรรมหินอ่อน Winged Victory of Samothrace เป็นรูปแกะสลักของเทพีไนกี้เทพธิดาแห่งชัยชนะของกรีก สร้างขึ้นราว 190 ปีก่อนศริสต์ศักราช เป็นเทพีไนกี้ที่งามสง่ามากและมีปีกที่เป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ (รองเท้าดังนำชื่อไปใช้ พร้อมทั้งเครื่องหมายที่ดัดแปลงจากปีกของเทพีไนกี้)
นอกจากนี้ยังมีงานศิลปะเลื่องชื่อให้ชมอีกมากมาย เช่น Psyche Revived by Cupid’s Kiss, Michelangelo’s Dying Slave, Law Code of Hammurabi รวมถึงห้องนโปเลียนและวัตถุโบราณอียิปต์ ถ้าจะชมพิพิธภัณฑ์ลูฟร์กันแบบเต็มอิ่มจุใจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 วัน
2. State Hermitage Museum : Saint Petersburg, Russia
พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจ ตั้งอยู่ที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย ก่อตั้งเมื่อปี 1754 โดยจักรพรรดินีแคทเธอรีนที่ 2 (Catherine the Great) เปิดให้คนทั่วไปเข้าชมตั้งแต่ปี 1852 เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง สะสมงานศิลปะไว้กว่า 3 ล้านชิ้นซึ่งมากที่สุดในโลก และยังเป็นการสะสมภาพเขียนไว้มากที่สุดอีกด้วย ชิ้นงานศิลปะจัดแสดงในอาคารหกหลัง อาคารหลักคือพระราชวังฤดูหนาวที่เคยเป็นที่ประทับของจักรพรรดิแห่งรัสเซีย ด้านหลังพระราชวังเป็นท่าเรือ ด้านหน้าก็คือ Palace Square ที่มีเสาหินอเล็กซานเดอร์เป็นสัญญลักษณ์
สิ่งแรกที่ผู้มาเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจจะต้องชมให้ได้คือภาพเขียนของเลโอนาร์โด ดา วินชี สองภาพ ได้แก่ The Madonna and Child (The Litta Madonna) กับ Madonna and Child with Flowers (Benois Madonna) ภาพแรกดูเหมือนจะเป็นภาพยอดนิยมสูงสุดของที่นี่
และที่นี่ก็มีภาพเขียนระดับมาสเตอร์พีซของศิลปินชื่อดังท่านอื่นอีกมากมายคับคั่ง Flora ของแรมบรันต์, The Holy Family ของราฟาเอล, Judith ของจอร์โจเน, Portrait of a Young Woman ของทิเชียน, Lute-Player ของการาวัจโจ, Portrait of the Actress Antonia Zarate ของฟรานซิสโก โกยา, Portrait of Lady-in-Waiting to the Infanta Isabella ของปีเตอร์ พอล รูเบนส์, Absinthe Drinker ของปีกัสโซ, The Dessert: Harmony in Red (The Red Room) ของอองรี มาติส, Woman in a Garden ของโกลด มอแน, White House at Night ของแวนโก๊ะ ภาพเหล่านี้คือบางส่วนในบรรดาภาพชั้นยอดของพิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจ
งานประติมากรรมของที่นี่ก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน มีงานแกะสลักหินอ่อนที่งดงามน่าทึ่งมากมาย เช่น Crouching Boy ของไมเคิลแองเจโล, Cupid and Psyche และ The Three Graces ของอันโตนีโอ คาโนวา เป็นต้น และมีผลงานที่โดดเด่นได้รับความสนใจอย่างมากคือ The Peacock Clock งานประดิษฐ์หุ่นยนต์ชุบทองรูปนกยูง ไก่ และนกฮูก ที่งดงามมาก เมื่อถึงเวลาที่กำหนดนกยูงจะรำแพนหางที่สวยงามของมันให้ชมอีกด้วย
ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ก็เป็นผลงานศิลปะชั้นยอด ด้วยงานสถาปัตยกรรมและการตกแต่งภายในที่หรูหราโออ่าอลังการงานสร้าง เพื่อแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิรัสเซีย เริ่มตื่นตะลึงกันตั้งแต่บันไดทางเข้าอาคาร The Jordan staircase จนถึงภายในห้องต่างๆและทางเดินเชื่อม เช่น Knight’s Hall, Gold Room ฯลฯ ล้วนตกแต่งประดับประดาอย่างงดงาม และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง The Raphael Loggias ที่เป็นผลงานของราฟาเอล ได้รับการยกย่องให้เป็นระเบียงที่สวยที่สุดในโลก จนบางคนมัวแต่เพลิดเพลินกับการชมความสวยงามของอาคารจนหมดเวลาอดดูงานศิลปะอื่นที่ตั้งใจมาดูไปเลยก็มี
3. Vatican Museums : Vatican City (Rome), Italy
พิพิธภัณฑ์วาติกัน ตั้งอยู่ที่นครรัฐวาติกันในกรุงโรม อยู่ติดกับมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ก่อตั้งมาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 16 โดยพระสันตะปาปาจูเลียสที่ 2 สะสมผลงานศิลปะไว้จำนวนมากโดยพระสันตะปาปาตลอดหลายศตวรรษ มีทั้งงานประติมากรรมคลาสสิกเลื่องชื่อและงานมาสเตอร์พีซยุคเรอเนสซองส์ที่โดดเด่นมากมาย มีชิ้นงานศิลปะสะสมไว้ราว 70,000 ชิ้น จัดแสดงอยู่ราว 20,000 ชิ้น มีห้องแสดงงานศิลปะ 54 ห้อง เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์มีงานประติมากรรมสัมฤทธิ์ที่โดดเด่นสะดุดตาคือ Sphere Within Sphere
ไฮไลท์ของที่นี่คือโบสถ์น้อยซิสทีน (Sistine Chapel) ที่บนเพดานโบสถ์มีภาพเขียนปูนเปียก (Fresco) ขนาดใหญ่ 40 x 14 เมตร เป็นผลงานชิ้นเอกของไมเคิลแองเจโล หัวใจของภาพเขียนอยู่บริเวณกลางเพดานเป็นฉากเก้าฉากจากพระธรรมปฐมกาล ภาพตรงกลางสุดคือภาพ Creation of Adam เป็นผลงานสุดยอดของไมเคิลแองเจโล ที่เป็นสัญลักษณ์ของเขาแบบเดียวกับกับ “โมนาลิซา” ของเลโอนาร์โด ดา วินชี ภาพเขียนบนเพดานโบสถ์น้อยซิสตินเป็นหนึ่งในภาพเขียนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในยุคเรอเนสซองส์ บนผนังทุกด้านก็เป็นภาพปูนเปียกที่สวยงามยิ่งเช่นกัน โดยฝีมือของศิลปินชั้นนำของยุคนั้นหลายท่าน เช่น ภาพ Trials of Moses ของซันโดร บอตตีเชลลี, The Delivery of the Keys ของเปียโตร เปรูจิโน
อีกไฮไลท์หนึ่งคือห้องราฟาเอล (Raphael Rooms) เป็นห้องรับรองสี่ห้องของพระราชวังวาติกัน ภายในห้องมีภาพจิตรกรรมฝาผนังแบบเฟรสโกหรือภาพปูนเปียก เขียนโดยราฟาเอลและผู้ช่วยของเขา ห้องสำคัญคือห้อง Room of the Signatura ที่ส่วนใหญ่เป็นผลงานของราฟาเอลเอง ห้องนี้มีผลงานชิ้นเอกของราฟาเอลคือภาพ The School of Athens เป็นภาพแสดงสัจจะที่ได้จากการหาเหตุผล กลางภาพเป็นเพลโตกำลังถกเถียงกับอริสโตเติลผู้เป็นลูกศิษย์ รายล้อมไปด้วยนักปราชญ์คนสำคัญในยุคสมัยกรีก ถือเป็นภาพที่เป็นศูนย์รวมที่สมบูรณ์แบบของจิตวิญญาณในยุคเรอเนสซองส์
จุดที่พลาดไม่ได้อีกแห่งคือการชมบันไดเวียน (Spiral Staircase) ที่สวยงามอย่างยิ่ง ออกแบบและสร้างโดย Giuseppe Momo เมื่อปี 1932 เป็นหนึ่งในบันไดที่ถูกถ่ายภาพมากที่สุดในโลก
นอกจากนี้ยังมีงานศิลปะชั้นเยี่ยมให้ชมอีกเพียบ ทั้งงานแกะสลักหินอ่อนที่งดงาม ภาพเขียนของศิลปินชื่อดัง เช่นภาพ St. Jerome in Wilderness ของเลโอนาร์โด ดา วินชี, Transfiguration ของราฟาเอล, Entombment ของการาวัจโจ, madonna and child with saints ของเปียโตร เปรูจิโน เป็นต้น รวมทั้งศิลปะกรีกและอียิปต์โบราณด้วย
และเมื่อมาถึงพิพิธภัณฑ์วาติกันก็จะได้ชมแนวเสาระเบียงยาวโค้งที่ลานหน้ามหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ฝีมือการออกแบบของจัน โลเรนโซ แบร์นีนี ที่สวยสง่าอลังการ และตัวมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ที่มีโดมเป็นสัญญลักษณ์จากฝีมือการออกแบบของไมเคิลแองเจโล โดยเฉพาะภายในมหาวิหารมีผลงานชิ้นเอกอีกชิ้นหนึ่งของไมเคิลแองเจโล คือ Pieta งานแกะสลักหินอ่อนรูปพระเยซูกับพระแม่มารี ซึ่งเป็นรูปแกะสลักที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกชิ้นหนึ่ง
4. Metropolitan Museum of Art : New York, USA
พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิตัน หรือ The Met เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาตั้งอยู่ทางตะวันออกของเซ็นทรัลพาร์คในนครนิวยอร์ก เป็นเจ้าของงานศิลปะกว่า 2 ล้านชิ้นจากสมัยคลาสสิก อียิปต์โบราณ ภาพเขียนและงานแกะสลักจากยุโรป งานศิลปะของชาวอเมริกันและงานศิลปะสมัยใหม่ รวมทั้งงานศิลปะของอัฟริกา เอเชีย โอเชียเนีย ไบแซนไทน์ อินเดีย และอิสลาม
งานศิลปะที่เป็นไฮไลท์ของ The Met คือภาพเขียนชิ้นเอกของศิลปินเลื่องชื่อที่จัดแสดงอยู่ที่นี่จำนวนมาก ภาพเขียนยอดนิยมเป็นผลงานของวินเซนต์ แวนโก๊ะ 2 ภาพ คือ Wheat Field with Cypresses และ Self-Portrait with Straw Hat
ภาพเขียนของศิลปินท่านอื่นก็ล้วนแต่เป็นผลงานชั้นยอดทั้งสิ้น เช่น The Harvesters ของปีเตอร์ เบรอเคิล, Woman with a Parrot ของกุสตาฟว์ กูร์แบ, Madame Louis Joachim Gaudibert ของโกลด มอแน, The Death of Socrates ของ ฌาค-หลุยส์ ดาวิด, The Musicians ของการาวัจโจ, Young Woman with a Water Pitcher ของ โยฮัน เฟอร์เมร์, Manuel Osorio Manrique de Zuñiga ของฟรานซิสโก โกยา, Portrait of Madame X ของจอห์น ซิงเกอร์ ซาร์เจนท์, Self-Portrait (1660) ของแรมบรันต์ และอีกมากมายจาระไนไม่หมด
งานศิลปะอื่นก็ยอดเยี่ยม เป็นไฮไลท์ที่ผู้มาเยือนจะไม่ยอมพลาดชมเด็ดขาดเช่นกัน วิหารอียิปต์โบราณ The Temple of Dendur, รูปสลักหินสมัยเมโสโปเตเมีย Human-headed winged bull and winged lion (lamassu), รูปหล่อสัมฤทธิ์เคลือบทอง Buddha Maitreya (Mile), รูปแกะสลักหินอ่อน Ugolino and His Sons, งานศิลปะโมเสก Tiffany garden landscape and fountain และงานศิลปะอีกหลากหลายรูปแบบจากทั่วโลกที่มาอยู่รวมกันที่นี่
5. National Gallery of Art : Washington D.C., USA
หอศิลป์แห่งชาติ (วอชิงตัน ดี.ซี.) ตั้งอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ในประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งเมื่อปี 1938 โดยสภาคองเกรส ได้รับบริจาคเงินในการก่อสร้างและผลงานศิลปะสำคัญจำนวนมากจากชาวอเมริกันผู้มีชื่อเสียงหลายคน ทำให้หอศิลป์แห่งนี้เป็นเจ้าของงานศิลปะที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในโลก อาคารตะวันตกจัดแสดงภาพเขียนและประติมากรรมยุโรปยุคกลาง อาคารตะวันออกจัดแสดงศิลปะสมัยใหม่ ด้านนอกอาคารมีสวนขนาดใหญ่จัดแสดงงานประติมากรรมร่วมสมัย
จุดเด่นของหอศิลป์แห่งนี้คือเป็นที่รวมของภาพเขียนชั้นยอดของศิลปินชื่อดังเกือบครบทุกคน ภาพเขียนชิ้นเดียวที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาของเลโอนาร์โด ดา วินชี คือภาพ Ginevra de’ Benci จัดแสดงอยู่ที่นี่ ภาพ Self-Portrait (1889) หนึ่งในภาพชุดที่โด่งดังของวินเซนต์ แวนโก๊ะก็อยู่ที่นี่เช่นกัน
ภาพ The Annunciation ของยัน ฟัน ไอก์, Marchesa Brigida Spinola Doria ของปีเตอร์ พอล รูเบนส์, Self-Portrait (1659) ของแรมบรันต์, Woman Holding a Balance ของโยฮัน เฟอร์เมร์, Young Girl Reading ของฌ็อง-ออนอเร ฟรากอนาร์, The Emperor Napoleon in His Study at the Tuileries ของฌาค-หลุยส์ ดาวิด, The Railway ของเอดัวร์ มาแน, The Japanese Footbridge ของโกลด มอแน สุดยอดภาพเขียนเหล่านี้ล้วนจัดแสดงที่อาคารตะวันตกทั้งสิ้น
งานศิลปะสมัยใหม่ที่อาคารตะวันออกก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน มีทั้งภาพเขียน เช่น ภาพ Family of Saltimbanques ของปาโบล ปีกัสโซ, The Open Window ของอองรี มาติส, Number 1 (Lavender Mist) ของแจ็กสัน พอลล็อก รวมทั้งประติมากรรมที่โดดเด่นอีกมากมาย เช่น Vertical Constellation with Bomb ของอเล็กซานเดอร์ คาลเดอร์ เป็นต้น
ส่วน Sculpture Garden ที่ด้านนอกอาคารเป็นสวนขนาด 25,000 ตารางเมตร จัดแสดงงานประติมากรรมขนาดใหญ่ของศิลปินร่วมสมัยที่โด่งดังหลายท่าน ตรงกลางเป็นน้ำพุและลานสเก็ตที่เปิดให้ผู้คนมาใช้บริการในช่วงฤดูหนาวต่อเนื่องถึงฤดูใบไม้ผลิ