มีหลักฐานหลายอย่างที่สนับสนุนสถิติข้างต้น เช่น เมื่อไม่นานมานี้ที่สหราชอาณาจักรมีวันที่ไม่ได้ใช้ถ่านหินผลิตไฟฟ้าเลยหรือ coal-free day เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปฏิวัติอุตสาหกรรม หรือการที่จีนยกเลิกโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน 103 แห่ง หรือการที่อินเดียตั้งใจจะหยุดโรงไฟฟ้าถ่านหินทั้งหมดในอนาคตอันใกล้เนื่องจากค่าไฟฟ้าที่ผลิตจากโซลาร์ฟาร์มถูกกว่า
ขณะเดียวกันพลังงานหมุนเวียนกลับเป็นแหล่งพลังงานที่มีการเติบโตมากที่สุดในบรรดาแหล่งพลังงานทั้งหมดด้วยการเพิ่มขึ้น 12% ในปี 2016 แม้ว่าพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานหมุนเวียนอื่นรวมกันจะมีสัดส่วนเพียงแค่ 4% ของการใช้พลังงานทั้งโลก แต่ส่วนที่เพิ่มขึ้นของพลังงานหมุนเวียนในปีที่แล้วนี้มีจำนวนเท่ากับหนึ่งในสามของความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั้งหมดของพลังงานในปี 2016 เลยทีเดียว
Bloomberg บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการเงินได้วิเคราะห์ว่าต้นทุนพลังงานแสงอาทิตย์จะลดลงอย่างรวดเร็ว ราคาพลังงานแสงอาทิตย์จะเริ่มต่ำกว่าถ่านหินตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นไป และจะเข้าครอบครองตลาดทดแทนถ่านหินหรือแม้กระทั่งก๊าซธรรมชาติในเวลาที่เร็วกว่าที่คิดไว้
สถานการณ์การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่บรรยากาศของโลกก็น่าสนใจไม่น้อย ในช่วง 10 ปีตั้งแต่ 2004 – 2013 มีอัตราการปล่อยคาร์บอนเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 2.5% แต่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมากลับทรงตัว ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าส่วนหนึ่งเป็นการสะท้อนถึงความอ่อนแอของการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ที่สำคัญกว่าคือมันสะท้อนถึงการลดลงอย่างรวดเร็วของการปล่อยคาร์บอนต่อหน่วยของ GDP
ข้อมูลและภาพจาก bp, bloomberg