ที่น่าสนใจที่สุดคือมีหมึกหนึ่งในสามชนิดสามารถวัดระดับน้ำตาลได้ หมึกจะเปลี่ยนสีจากสีฟ้าเป็นสีน้ำตาลเมื่อระดับน้ำตาลสูงขึ้น นี่คงจะถูกใจผู้ป่วยโรคเบาหวานเพราะจะช่วยหลีกเลี่ยงการเจาะเลือดได้
หมึกอีกชนิดหนึ่งสามารถเปลี่ยนจากสีชมพูเป็นสีม่วงสัมพันธ์กับระดับความเป็นกรดด่างหรือตามค่า pH ส่วนอีกชนิดที่เหลือสามารถตรวจจับระดับโซเดียมหรือเกลือได้ โดยมันจะเรืองแสงเจิดจ้าภายใต้แสง UV เมื่อมีระดับโซเดียมเพิ่มสูงขึ้น
“มันสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการตรวจติดตามแบบต่อเนื่อง เช่น การตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์, การติดตามข้อมูลของตัวเอง และการเปลี่ยนข้อมูลต่างๆในร่างกายให้เป็นสัญญาณ” ทีมวิจัยกล่าว
สำหรับบางคนที่สุขภาพไม่ค่อยดีต้องตรวจติดตามด้านโภชนาการอย่างระมัดระวัง หรือแม้กระทั่งคนที่ต้องการแค่ติดตามการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ด้วยรอยสักเปลี่ยนสีได้นี้ถือว่าเป็นเรื่องที่เข้าท่าและดูเท่ไม่เบา
“คนที่เป็นโรคเบาหวานส่งอีเมล์ถึงเราและบอกว่าพวกเขาต้องการทดลองมัน” Xin Liu หนึ่งในทีมวิจัยกล่าว
ถ้าคุณต้องการทำรอยสักเปลี่ยนสีได้นี้ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม คงจะต้องรอไปก่อนเพราะมันยังเป็นแค่ขั้นตอนพิสูจน์แนวคิดเท่านั้น นักวิจัยยังต้องทำการทดสอบและทำวิจัยเพิ่มเติมอีกมากมายก่อนที่จะใช้งานได้จริง
ก่อนที่เทคโนโลยีน่าอัศจรรย์ใจนี้จะได้รับอนุมัติให้ใช้กับมนุษย์ได้ มันจะต้องผ่านการทดสอบอีกหลายขั้นตอน คงจะต้องมีการทดสอบกับสัตว์ก่อน หลังจากนั้นถึงจะเป็นการทดสอบกับคน สิ่งที่จะต้องค้นหาคือผลร้ายหรือผลข้างเคียงในทางลบของหมึกและการติดเชื้อ
นอกจากนี้ยังต้องทำให้แน่ใจว่ารอยสักจะเป็นตัวบอกที่แม่นยำมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ในด้านการแพทย์คุณอาจจะต้องการให้การเปลี่ยนสีของรอยสักมีความเชื่อถือได้เหมือนกับการตรวจเลือด แต่บอกได้เลยว่ามันยังไม่ถึงขนาดนั้น
“มันคงต้องใช้เวลาอีกนานว่ามันจะใช้งานได้ดีและใช้ในเชิงพาณิชย์ได้ แต่มันได้กระตุ้นจินตนาการและเปิดช่องทางแห่งความเป็นไปได้” Liu กล่าว
ข้อมูลและภาพจาก cbsnews, sciencealert