องค์การข้อมูลพลังงานหรือ EIA ของสหรัฐฯมีรายงานออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าในเดือนมีนาคมการผลิตไฟฟ้ารายเดือนจากพลังงานลมและแสงอาทิตย์รวมกันมีสัดส่วนมากกว่า 10% ของการผลิตทั้งประเทศเป็นครั้งแรก โดยเป็นการผลิตจากพลังงานลม 8% และจากพลังงานแสงอาทิตย์ 2%
สัดส่วนการผลิตที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของแหล่งพลังงานทั้งสองชนิด ปี 2016 ในสหรัฐฯมีการติดตั้งแผ่นโซลาร์เซลล์เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปีก่อน รวมแล้วมีกำลังการผลิต 40 กิกะวัตต์ (เกือบเท่ากำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดของประเทศไทย) และยังได้เห็นฟาร์มกังหันลมนอกชายฝั่งแห่งแรกของสหรัฐฯเริ่มผลิตได้ในปีที่แล้ว นอกจากนี้ยังมีโครงการอื่นเพิ่มอีกหลายโครงการตามแนวชายฝั่งด้านตะวันออก
การผลิตไฟฟ้าจากลมและแสงอาทิตย์จะเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาลและสถานที่ คือขึ้นอยู่กับความเร็วลมและปริมาณแสงแดด สำหรับพลังงานลมในรัฐเท็กซัส, โอคลาโฮมาและบริเวณใกล้เคียงจะผลิตได้สูงสุดในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ส่วนด้านรัฐแคลิฟอร์เนียจะดีที่สุดในช่วงฤดูร้อน
สำหรับการผลิตด้วยแสงอาทิตย์แน่นอนว่าจะได้ผลผลิตสูงสุดในฤดูร้อน ไม่เกี่ยวกับสถานที่ แต่เป็นเพราะจำนวนชั่วโมงที่มีแสงแดดในแต่ละวันมีมากกว่า และนอกจากนี้ราวครึ่งหนึ่งของโซลาร์ฟาร์มในสหรัฐฯใช้เทคโนโลยีติดตามดวงอาทิตย์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้วย
และถ้าพิจารณาจากลักษณะของฤดูกาลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คาดว่าการผลิตไฟฟ้าจากลมและแสงอาทิตย์น่าจะเกิน 10% อีกครั้งในเดือนเมษายน 2017 จากนั้นจะลดลงต่ำกว่า 10% ในช่วงฤดูร้อนเนื่องจากความเร็วลมลดลงแม้ว่าผลผลิตจากแสงอาทิตย์จะขึ้นสูงสุดก็ตาม EIA ยังบอกว่าสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากลมและแสงอาทิตย์มีแนวโน้มจะขึ้นสูงสุดในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง เนื่องจากไม่เพียงแต่ผลผลิตที่จะได้มากเท่านั้น การใช้ไฟฟ้าในช่วงดังกล่าวก็ลดลงต่ำสุดอีกด้วย
ในปี 2016 ไฟฟ้าที่ผลิตจากลมและแสงอาทิตย์รวมกันทั้งปีเกือบถึง 7% ดูจากแนวโน้มผลผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากแหล่งพลังงานทั้งสองนี้แล้วคาดว่าผลผลิตรวมทั้งปีน่าจะถึง 10% ในเร็วๆนี้อย่างแน่นอน
ข้อมูลและภาพจาก eia.gov, inhabitat