ปี 2016 พลังงานแสงอาทิตย์จากโซลาร์เซลล์ได้รับความนิยมมากที่สุด มีการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าด้วยโซลาร์เซลล์มากถึง 75 กิกะวัตต์ พลังงานลมซึ่งเป็นแชมป์ในปี 2015 ตามมาเป็นที่สองที่ 55 กิกะวัตต์ โรงไฟฟ้าถ่านหินมีการสร้างเพิ่มเป็นอันดับสามที่ 52 กิกะวัตต์ ตามมาด้วยเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ 37 กิกะวัตต์ และพลังงานน้ำ 28 กิกะวัตต์
พลังงานแสงอาทิตย์จากโซลาร์เซลล์กับพลังงานลมรวมกันมีสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าทั่วโลกในปีที่แล้ว ส่วนการเพิ่มโรงไฟฟ้าถ่านหินใหม่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากในปัจจุบันต้นทุนการผลิตไฟฟ้าด้วยโซลาร์เซลล์และลมลดลงจนสามารถแข่งขันได้ในเกือบทุกพื้นที่
ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังน้ำยังคงสำคัญสำหรับประเทศกำลังพัฒนาที่ยังมีแม่น้ำสำหรับสร้างเขื่อนได้อยู่ ส่วนเทคโนโลยีที่มีการปล่อยมลพิษต่ำอื่นๆเช่นนิวเคลียร์ พลังงานชีวมวล พลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์ และพลังงานความร้อนใต้พิภพยังมีสัดส่วนเพียงเล็กน้อย
โซลาร์เซลล์และกังหันลมมีข้อได้เปรียบทั้งด้านต้นทุน ขนาดการผลิต และระบบซัพพลายเชนที่เหนือกว่าซึ่งยากมากที่เทคโนโลยีที่มีการปล่อยมลพิษต่ำอื่นจะสู้ได้ภายในทศวรรษหน้าหรือนานกว่านั้น
สำหรับการผลิตไฟฟ้าด้วยโซลาร์เซลล์ถ้าย้อนดูข้อมูลตั้งแต่ปี 2006 – 2016 จะเห็นว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในปีหลังๆจะมีอัตราการเติบโตสูงมาก โดยเฉพาะในปี 2016 ที่เพิ่มมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของพลังงานทุกชนิด
อย่างไรก็ดีโซลาร์เซลล์ยังมีปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมในการผลิตแผงโซลาร์เซลล์ซึ่งต้องใช้พลังงานจำนวนมากในบางพื้นที่ โดยเฉพาะในประเทศจีนพลังงานที่ใช้ในการผลิตแผงโซลาร์เซลล์มักจะมาจากการเผาเชื้อเพลิงฟอสซิล
กระบวนการผลิตโซลาร์เซลล์ต้องใช้น้ำจำนวนมาก มีการผลิตสารเคมีที่เป็นพิษบางอย่างออกมาซึ่งอาจทำให้คนงานอยู่ในสภาพที่ไม่ปลอดภัย ราคาที่ลดต่ำลงจากการผลิตแผงโซลาร์เซลล์ในบางประเทศมีประโยชน์อย่างมากต่อธุรกิจนี้ แต่ต้องมีการปรับปรุงกันต่อไปจนกว่าจะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
ข้อมูลและภาพจาก theconversation, esdnews