จดหมายเปิดผนึกถูกปล่อยออกมาในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกับงานประชุมด้าน AI ที่ใหญ่ที่สุดในโลก IJCAI 2017 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลียในสัปดานี้ เนื้อความในจดหมายได้เตือนว่าในอนาคตอันใกล้เครื่องจักรหุ่นยนต์อิสระสามารถที่จะเลือกและจัดการเป้าหมายด้วยตัวเองซึ่งมีคนบริสุทธิ์รวมอยู่ในกลุ่มนักรบที่เป็นศัตรูด้วย
“เมื่อได้รับการพัฒนาขึ้นมาแล้วมันจะได้รับอนุญาตให้ใช้อาวุธต่อสู้ในระดับที่เลิศล้ำกว่าที่เคยมี และในช่วงเวลาที่เร็วกว่ามนุษย์จะทำความเข้าใจได้ทัน” กลุ่มผู้เรียกร้องเขียนในจดหมาย “มันสามารถเป็นอาวุธของผู้ก่อการร้าย เป็นอาวุธที่พวกเผด็จการและผู้ก่อการร้ายใช้สังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์ และเป็นอาวุธที่ถูกใช้ในวิถีทางที่น่ารังเกียจ”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Musk และกลุ่มคนที่มีความเห็นแบบเดียวกันได้รวมตัวเพื่อชี้ให้เห็นถึงอันตรายของอาวุธอัตโนมัติที่มีต่อมนุษยชาติ Musk นอกจากจะเป็นผู้บริหาร SpaceX และ Tesla แล้วเขายังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังบริษัท OpenAI ที่มุ่งทำวิจัยเรื่อง AI เพื่อเป็นสมบัติของมนุษยชาติ โดยไม่ต้องคำนึงเรื่องผลกำไร
อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญด้าน AI มีความวิตกกังวลว่าความล่าช้าอย่างต่อเนื่องในการสร้างมาตรการที่ได้ผลสำหรับต่อต้านการพัฒนาอาวุธอัตโนมัติได้ทำให้บางคนกลัวว่าอันตรายอาจอยู่เหนือการควบคุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งก้าวเดินที่รวดเร็วของการพัฒนาระบบ AI
“เราไม่มีเวลามากนักที่จะจัดการเรื่องนี้ เมื่อกล่องของแพนโดราเปิดออกแล้ว มันยากมากที่จะปิดมัน” จดหมายเปิดผนึกระบุโดยอ้างถึงตำนานกรีกโบราณ
“การปฏิวัติครั้งที่ 3” ที่ผู้รณรงค์ครั้งนี้กล่าวอ้างนั้นได้ยกให้หุ่นยนต์สังหารเป็นการปฏิวัติอาวุธครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ที่ทำให้เปลี่ยนรูปแบบของสงครามต่อจากการพัฒนาดินปืนและอาวุธนิวเคลียร์ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ไม่ได้ทำให้โลกเราดีขึ้นเลย
จดหมายเปิดผนึกครั้งนี้ไม่ได้เป็นกรณีแรกที่ผู้เชี่ยวชาญใช้งานประชุม IJCAI เพื่อเสนอข้อเรียกร้อง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้แทนจากบริษัทด้าน AI และหุ่นยนต์จาก 26 ประเทศได้มารวมกันเพื่อแสดงจุดยืนในเรื่องนี้ ร่วมกับนักวิจัยอิสระผู้มีชื่อเสียงที่มีทั้ง Stephen Hawking, Noam Chomsky และ Steve Wozniak ผู้ร่วมก่อตั้ง Apple
“บริษัทและบุคคลผู้มีชื่อเสียงจำนวนมากที่ได้ลงนามในจดหมายนี้ได้เสริมความน่าเชื่อถือให้กับการเตือนของเราว่านี่ไม่ใช่เรื่องสมมุติ แต่มันเป็นเรื่องจริงแท้แน่นอนที่ต้องการปฏิบัติการแบบทันทีทันใด” Ryan Gariepy ผู้ร่วมก่อตั้ง Clearpath Robotics กล่าว “เราไม่ควรพลาดการมองเห็นความจริงของเรื่องนี้ มันไม่เหมือนกับ AI ศักยภาพสูงอย่างอื่นที่ยังคงมีอยู่แค่ในนิยายวิทยาศาสตร์ อาวุธอัตโนมัติและหุ่นยนต์สังหารได้มาถึงยอดของการพัฒนาแล้วในตอนนี้”
แม้ว่าในอนาคตที่ต้องเผชิญกับอาวุธอัตโนมัติอย่างเช่นหุ่นยนต์สังหาร T–800s ตามภาพบนสุดจะยังคงเป็นแค่เพียงฝันร้าย แต่ในความเป็นจริงเครื่องจักรสังหารที่ควบคุมโดย AI มีอยู่จริงแล้ว เช่น ปืน Samsung SGR-A1, โดรน BAE Systems Taranis และเรือดำน้ำ DARPA’s Sea Hunter
อาจพูดได้ว่าเมล็ดพันธุ์ของเทคโนโลยีหุ่นยนต์สังหารในอนาคตได้มีอยู่พร้อมเรียบร้อยแล้ว ทั้งบนบก ในทะเล และในอากาศ แต่กฎหมายที่จะใช้ควบคุมอาวุธร้ายแรงเหล่านี้ยังไม่ได้ถูกเขียนขึ้นเลย
“เกือบทุกเทคโนโลยีสามารถถูกนำไปใช้สำหรับเรื่องที่ดีและเรื่องที่เลวร้าย และปัญญาประดิษฐ์ก็ไม่ได้แตกต่าง” Toby Walsh นักวิจัยด้าน AI จากมหาวิทยาลัย UNSW ประเทศออสเตรเลียกล่าว “มันสามารถช่วยจัดการกับปัญหามากมายที่สังคมปัจจุบันต้องเผชิญ อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีเดียวกันก็สามารถถูกนำใช้ในอาวุธอัตโนมัติเพื่อทำให้เป็นอุตสาหกรรมสงคราม เราจำเป็นจะต้องตัดสินใจในวันนี้เพื่อเลือกอนาคตที่เราต้องการ”
ข้อมูลและภาพจาก sciencealert, vice