จีนเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกของรถยนต์นั่ง (Passenger Car) หรือรถเก๋งมาตั้งแต่ปี 2009 และสัดส่วนของมันในตลาดรถยนต์โลกถูกระบุว่าจะเติบโตถึง 30% ภายในปี 2025
จีนไม่ได้เป็นเพียงตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกเท่านั้น ยังเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าอีกด้วย เมื่อปีที่แล้วจีนเอาชนะสหรัฐไปด้วยตัวเลขที่ค่อนข้างห่าง จีนมีการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า 336,000 คันในปี 2016 ขณะที่สหรัฐมีแค่ 159,620 คัน
“บางประเทศได้กำหนดตารางเวลาชัดเจนแล้วว่าเมื่อไรจะหยุดการผลิตและขายรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน” Xin Guobin กล่าว “กระทรวงอุตสาหกรรมของเราได้เริ่มการวิจัยในประเด็นนี้แล้วเช่นกันและจะทำตารางเวลาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาตรการเหล่านี้จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงอย่างมากสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ของเรา”
ก่อนหน้านี้มีหลายประเทศได้ประกาศกำหนดการห้ามขายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันกันไปแล้ว อังกฤษและฝรั่งเศสได้กำหนดเส้นตายที่ปี 2040 ส่วนอินเดียกำหนดไว้ที่ปี 2030 สำหรับนอร์เวย์ซึ่งเป็นประเทศแรกที่ได้ประกาศเรื่องนี้วางแผนไว้ที่ปี 2025
“การดำเนินการสำหรับตลาดที่ใหญ่อย่างประเทศจีนอาจเกิดขึ้นหลังปี 2040” Liu Zhijia จากบริษัทผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่ของประเทศกล่าว “ซึ่งนั่นจะทำให้มีเวลาเพียงพอสำหรับทุกคนในการเตรียมตัว”
จีนได้แสดงให้เห็นความพยายามอย่างเข้มแข็งในการลดการปล่อยคาร์บอน ซึ่งรวมถึงการลดการใช้ถ่านหิน ตอนนี้ก็กำลังพยายามลดการนำเข้าน้ำมันซึ่งพวกเขาเป็นผู้นำเข้าเป็นอันดับสองรองจากสหรัฐ
รัฐบาลจีนได้กำหนดโควต้าสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ไว้แล้วว่าจะต้องผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหรือไฮบริดจ์ 12% ของจำนวนรถยนต์ที่ขายทั้งหมดภายในปี 2020 และได้สั่งให้บริษัทผลิตไฟฟ้าที่เป็นของรัฐให้ทำการติดตั้งสถานีชาร์จไฟเพิ่มขึ้นแล้วด้วย
ข้อมูลและภาพจาก sciencealert, bloomberg