ราคาค่าไฟฟ้าตกลงไปติดลบในเวลาส่วนใหญ่ของวันก่อนคริสต์มาสและชั่วโมงแรกๆของวันคริสต์มาสที่ผ่านมาใน EPEX Spot ตลาดซื้อขายไฟฟ้าขนาดใหญ่ของเยอรมัน อันเป็นผลมาจากความต้องการใช้ไฟฟ้าที่ต่ำมาก อากาศที่ร้อนผิดปกติ และลมพัดแรง ซึ่งทำให้การผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานลมส่งเข้าระบบสูงมาก ทำให้ราคาค่าไฟฟ้าลดต่ำลงถึงขั้นติดลบ เจ้าของโรงงานและลูกค้ารายใหญ่ได้รับการจ่ายค่าไฟฟ้าที่ใช้ในวันก่อนคริสต์มาสถึงกว่า 60 ดอลลาร์ต่อเมกะวัตต์-ชั่วโมง (ราคาต่อ 1,000 ยูนิต)
ราคาค่าไฟฟ้าติดลบไม่ได้เป็นเรื่องปกติในเยอรมัน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะพบเจอได้ยาก เนื่องจากความพยายามในการส่งเสริมการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนอย่างมาก ราคาค่าไฟฟ้าในเยอรมันเคยลดลงจนต่ำกว่าศูนย์มากกว่า 100 ครั้งเฉพาะในปี 2017 ปีเดียว ประเทศอื่นในยุโรปก็เกิดเรื่องนี้เพียงแต่ไม่มากเท่าที่เยอรมัน
เหตุผลที่ทำให้เกิดราคาค่าไฟฟ้าติดลบเป็นเพราะในวันหยุดจะมีความต้องการใช้ไฟฟ้าต่ำมากเนื่องจากโรงงานและสำนักงานหยุดทำงาน ขณะที่ฟาร์มกังหันลมไม่สามารถกำหนดปริมาณการผลิตได้เพราะมันขึ้นอยู่กับสภาพลมฟ้าอากาศ ฟาร์มกังหันลมในเยอรมันมีกำลังการผลิตเฉลี่ยที่ 12% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด แต่หากวันไหนอากาศดีลมแรงมันจะผลิตได้มากกว่านั้นหลายเท่า
ในขณะเดียวกันโรงไฟฟ้าหลักอื่นทั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินและโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ก็ไม่สามารถลดหรือเพิ่มการผลิตได้อย่างรวดเร็วทันทีทันใด ทำให้การปรับสมดุลระหว่างความต้องการและปริมาณการผลิตทำได้ยาก อีกทั้งเทคโนโลยีในการเก็บพลังงานสำรอง เช่น แบตเตอรี่ ก็ยังล้าหลังอยู่มาก ดังนั้นหากวันหยุดสำคัญคราวไหนที่ประจวบเหมาะกับสภาพลมแรงก็สามารถทำให้ราคาไฟฟ้าที่ขึ้นอยู่กับดีมานด์-ซัพพลายลดลงไปติดลบได้
ในปี 2017 ราคาไฟฟ้าเกิดติดลบต่ำสุดเมื่อสุดสัปดาห์สุดท้ายของเดือนตุลาคม (ช่วงวันฮาโลวีน) มีราคาไฟฟ้าติดลบนานถึง 31 ชั่วโมง และมีช่วงหนึ่งที่ราคาลดลงไปถึง -98 ดอลลาร์ต่อเมกะวัตต์-ชั่วโมง
อย่างไรก็ตามชาวเยอรมันก็ไม่ได้รับเงินจากราคาค่าไฟฟ้าติดลบโดยตรง เพราะราคาค่าไฟฟ้านี้เป็นเพียง 20% ของราคาไฟฟ้าทั้งหมด ที่เหลืออีก 80% เป็นค่าภาษี ค่าธรรมเนียมพลังงานหมุนเวียน ค่าสายส่ง และค่าใช้จ่ายอื่นๆ แต่แน่นอนว่าจำนวนเงินในบิลค่าไฟลดลงไปไม่น้อยทีเดียว
เรื่องนี้เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ผู้ผลิตไฟฟ้าในเยอรมันจะต้องหาทางแก้ไขต่อไป ซึ่งอาจเลือกใช้การสร้างคลังแบตเตอรี่เพื่อเก็บไฟฟ้าส่วนเกิน และยังมีแนวคิดที่จะใช้ไฟฟ้าส่วนเกินนี้ปั๊มน้ำขึ้นไปเก็บไว้ในทะเลสาบบนภูเขาในออสเตรเลีย แล้วค่อยปล่อยลงมาเพื่อผลิตไฟฟ้าในช่วงที่มีการใช้ไฟฟ้าสูง อีกแนวทางหนึ่งคือการส่งเสริมให้คนหันมาใช้ไฟฟ้าในช่วงที่มีราคาต่ำให้มากขึ้น
ข้อมูลและภาพจาก nytimes, businessinsider