DNA เผยมหันตภัยที่คร่าชีวิตชาวเม็กซิกัน 15 ล้านคนในศตวรรษที่ 16

เมื่อกองกำลังสเปนไปถึงเม็กซิโกครั้งแรกเมื่อปี 1519 ก่อนที่อาณาจักรแอซเท็กจะล่มสลาย ชนพื้นเมืองมีจำนวนราว 25 ล้านคน ศตวรรษต่อมากลับพบว่าเหลืออยู่ราว 1 ล้านคนเท่านั้น หลังจากการเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่หลายครั้ง ตอนนี้นักวิจัยสามารถระบุตัวการสำคัญที่คร่าชีวิต 80% ของคนพื้นเมืองเม็กซิกันหรือราว 15 ล้านคนได้แล้วโดยอาศัย DNA จากฟันคนตาย

มันเริ่มจากปี 2004 ที่นักวิจัยพบและขุดศพกว่า 800 ศพจากสุสานบริเวณแหล่งโบราณคดีที่เรียกว่า Teposcolula-Yucundaa นักวิจัยพบว่า DNA จากฟันของผู้เคราะห์ร้ายในเหตุการณ์โรคระบาดครั้งใหญ่ในช่วงปี 1545 – 1550 เผยให้รู้ว่ามีเชื้อแบคทีเรีย Salmonella enterica ซึ่งทำให้เกิดโรคไข้เอนเทริก (Enteric fever) หรือไข้ไทฟอยด์ ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกในทวีปอเมริกา

ขณะเกิดโรคระบาดมันถูกเรียกในภาษานาวาตล์ (Nahuatl) ว่า “cocoliztli” ที่หมายถึงโรคระบาด มันได้คร่าชีวิตผู้คนในเม็กซิโกและกัวเตมาลาไปเกือบหมด ทำให้ประชากรลดลงอย่างฮวบฮาบ

“เป็นโรคที่ติดต่อง่าย แพร่เชื้อเร็ว คนที่เป็นโรคมีฉี่สีเขียวและดำ ลิ้นแห้งและเป็นสีดำ กระหายน้ำอย่างแรง ส่วนใหญ่ตาย” นี่คือคำอธิบายอาการจากนักบวชฟรานซิสชื่อ Fray Juan de Torquemada ผู้อยู่ในเหตุการณ์ตอนเกิดโรคระบาดครั้งที่สองในปี 1576

Kirsten Bos มานุษยวิทยากายภาพจากสถาบันแมกซ์พลังก์ในเยอรมันและทีมงานได้ทำการเปรียบเทียบ DNA ที่ได้จากฟันของซากศพกับฐานข้อมูล DNA ของแบคทีเรียยุคปัจจุบันที่ได้หาลำดับพันธุกรรมไว้แล้ว มีแต่เชื้อแบคทีเรีย Salmonella เท่านั้นที่มี DNA สอดคล้องกัน

เพื่อยืนยันว่าเป็น Salmonella จริงทีมงานจึงสร้างจีโนมขึ้นมาใหม่ทั้งหมด แต่เป็นงานที่ค่อนข้างยากเพราะโมเลกุล DNA เสื่อมสลายอยู่ตลอดเวลา

“มันเหมือนกับกระจกที่แตกเป็นเสี่ยงๆ คุณต้องพยายามนำมันมารวมกันด้วยวิธีใดก็ตาม” Bos กล่าว ทีมวิจัยใช้จีโนมของ salmonella ยุคปัจจุบันนำทางไปสู่การหาชิ้นส่วนจีโนมโบราณแต่ละชิ้นแล้วนำมารวมกันเหมือนกับเล่นเกมจิ๊กซอว์

สายพันธ์ุ Salmonella ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์โรคระบาดครั้งใหญ่ยุคโบราณมีลำดับพันธุกรรมคล้ายกับแบคทีเรียที่ทำให้เกิดอาหารเป็นพิษของทุกวันนี้ แบคทีเรียที่ Bos และทีมงานพบเป็นชนิดหนึ่งของเชื้อแบคทีเรีย Salmonella enterica ที่เรียกว่า Paratyphi C ซึ่งสามารถทำให้เป็นไข้ไทฟอยด์ และจากตำแหน่งที่พบ DNA แสดงว่ามันได้เข้าไปในกระแสเลือดของผู้เคราะห์ร้ายแล้ว นักวิจัยคิดว่าเชื้อน่าจะแพร่มาจากชาวสเปน ขณะที่ระบบภูมิคุ้มกันของชนพื้นเมืองต้านไม่ไหว

 

ข้อมูลและภาพจาก newsweek, sciencealert

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *