ข้อตกลงในอภิมหาโครงการนี้เป็นคำประกาศที่หนักแน่นของซาอุในการเพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียน ประเทศซาอุได้หาทางตั้งหลักเริ่มต้นการใช้พลังงานสะอาดมานานหลายปีแล้ว และรัฐมนตรีพลังงานเพิ่งจะเดินหน้าโครงการแรกด้วยการประมูลงานสร้างโซลาร์ฟาร์มขนาด 300 เมะกวัตต์ไปเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว
โครงการของ SoftBank และซาอุดิอาระเบียนี้มีขนาดกำลังการผลิต 200 กิกะวัตต์ (200,000 เมกะวัตต์) ซึ่งใหญ่กว่าโครงการโซลาร์ฟาร์มที่ออสเตรเลียที่จะเป็นโซลาร์ฟาร์มใหญ่ที่สุดในโลกในอนาคตไม่ไกลเป็น 100 เท่า และยังมีกำลังการผลิตมากกว่า 2 เท่าของการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ทั่วโลกเมื่อปีที่แล้ว (ดูโครงการโซลาร์ฟาร์มขนาดใหญ่ของโลกในตารางข้างล่าง)
“มันเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ” เจ้าชาย Mohammed กล่าว “มันเป็นความกล้าหาญ มีความเสี่ยง และเราหวังว่าจะประสบความสำเร็จ”
เมื่อโครงการนี้เสร็จสมบูรณ์จะสามารถผลิตไฟฟ้าได้มากกว่ากำลังการผลิตในปัจจุบันของซาอุเกือบ 3 เท่า ปี 2016 ซาอุมีกำลังผลิตไฟฟ้า 77 กิกะวัตต์ สองในสามผลิตด้วยก๊าซธรรมชาติ และที่เหลือผลิตด้วยน้ำมัน
Son คาดว่าโครงการนี้จะแล้วเสร็จภายในปี 2030 ถึงตอนนั้นซาอุจะสามารถลดการใช้น้ำมันดิบในการผลิตไฟฟ้าลงได้จำนวนมหาศาลและนำไปส่งออกขายได้มากขึ้น เงินลงทุนในโครงการนี้ประกอบด้วยค่าแผ่นโซลาร์เซลล์ คลังแบตเตอรี่ และโรงงานผลิตแผ่นโซลาร์เซลล์ รวมทั้งสิ้นราว 2 แสนล้านดอลลาร์
หรือเฉลี่ยราว 1 ล้านดอลลาร์ต่อกิกะวัตต์ นอกจากนี้ยังจะสร้างงานเพิ่มขึ้นอีก 100,000 ตำแหน่ง
“ซาอุดิอาระเบียอุดมไปด้วยแสงแดด มีพื้นที่พร้อมใช้งานขนาดใหญ่ มีวิศวกรและคนงานที่เก่งมาก แต่ที่สำคัญที่สุดคือการมีวิสัยทัศน์ที่ดีและยิ่งใหญ่ที่สุด” Son กล่าว
ข้อมูลและภาพจาก bloomberg, reuters