สำหรับคำถามแรกนักวิจัยมีคำตอบมานานแล้วว่าพวกเขาใช้เทคนิคทำให้โมอาย “เดิน” ได้ โดยใช้เพียงเชือก 3 เส้นและคนจำนวนหนึ่งกับกลยุทธ์บางอย่างเท่านั้น และได้ทำการสาธิตให้เห็นประจักษ์ดังในวิดีโอด้านล่าง แต่สำหรับคำถามที่สองยังคงเป็นปริศนาที่ต้องการตำตอบที่ชัดเจน
“ผู้คนจำนวนมากมีแนวคิดในเรื่องนี้ที่แตกต่างกันออกไป แต่เราเป็นกลุ่มแรกที่ได้แนวคิดโดยใช้หลักฐานทางโบราณคดี” Sean W Hixon หนึ่งในทีมวิจัยกล่าว
ทีมวิจัยชี้ว่าหมวก pukao รูปทรงกระบอกขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 เมตร หนัก 12 ตัน น่าจะถูกกลิ้งมาจากเหมืองหินสคอเรีย (Scoria) สีแดงซึ่งเป็นจุดที่พวกมันถูกตัดออกมา พวกเขาใช้การกลิ้งหมวกหินจนมาถึงรูปปั้น ส่วนการยกหมวกหินขึ้นไปวางบนหัวรูปปั้นนั้นใช้ทางลาดและเชือกกับเทคนิคที่เรียกว่า Parbuckling
“เทคนิค Parbuckling เป็นการใช้เชือกพันรอบหมวกหินรูปทรงกระบอก จากนั้นใช้คนจำนวนหนึ่งดึงเชือกจากด้านบน” Carl Lipo นักวิจัยอีกคนหนึ่งอธิบาย “วิธีนี้จะช่วยลดการใช้แรงในการกลิ้งหมวกหินขึ้นไปบนทางลาดได้อย่างมาก เช่นเดียวกับการเคลื่อนย้ายตัวรูปปั้น พวกเขาใช้วิธีที่เรียบง่าย แก้ปัญหาได้อย่างสละสลวย ใช้ทรัพยากรและกำลังแรงงานน้อยที่สุด”
เพื่อยืนยันว่าสมมติฐานนี้สามารถปฏิบัติได้จริงสำหรับชาวโพลิเนเชียน นักวิจัยได้สร้างแบบจำลอง 3 มิติของหมวก pukao ที่พบบนเกาะจำนวน 50 อัน ทำการประมาณกำลังของคนดึง น้ำหนักของหมวกหิน ความสูงของรูปปั้น และทำการคำนวณโดยหลักการทางฟิสิกส์อย่างละเอียด พวกเขาพบว่าใช้คนเพียงไม่เกิน 15 คนก็สามารถดึงหมวกหินขึ้นไปวางบนหัวรูปปั้นได้แล้ว
“การแกะสลักรูปปั้นโมอาย หมวก pukao และการเคลื่อนย้ายพวกมัน แสดงถึงความสามารถอันยอดเยี่ยมของชาวเกาะแห่งนี้” ทีมวิจัยกล่าว “หลักฐานหลายประการ รวมทั้งการใช้วิศวกรรมที่ชาญฉลาดในการทำให้รูปปั้นเดินได้และการยกหมวกหินขึ้นตั้งบนหัวรูปปั้น ชี้ให้เห็นถึงความสำเร็จของชาวโพลิเนเชียนในสถานที่ที่ไม่น่าเป็นไปได้”
ข้อมูลและภาพจาก sciencealert, iflscience